สตม.แกะรอยรวบหนุ่ม‘ปากีสถาน’สวมรอยทำบัตรฟอกตัว แอบอยู่ในไทย
16 กุมภาพันธ์ 2567 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ , พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. , พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. , พ.ต.ท.กฤตกรอิชณน์ คงขำ สว.ตม.จว.ปัตตานี ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ
ทั้งนี้ ตม.จว.ปัตตานี ร่วมกับ ตม.จว.ภูเก็ต และ สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี จับกุม นาย JAFFAR อายุ31 ปี สัญชาติปากีสถาน ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและสนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมแปลงเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่และร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ, ร่วมกันแจ้งข้อความหรือพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานในการขอมีบัตร, กระทำเพื่อให้ผู้ไม่มีสัญชาติไทยมีรายการเอกสารการทะเบียนราษฎร์อื่นโดยมิชอบ” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านพัก ถ.สุรินทร์ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต
สืบเนื่อง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 ตม.จว.ปัตตานี ได้จับกุมนาย IKRAM อายุ 24 ปี สัญชาติปากีสถาน ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และได้ดำเนินการผลักดันออกนอกราชอาณาจักร จากการออกสืบสวนในพื้นที่ยังสืบทราบข้อมูลว่ายังมีชาวปากีสถานแอบลักลอบทำงานในพื้นที่ จึงได้ออกตรวจเอ็กซเรย์พื้นที่พบ นายซามิ ลักษณะคล้ายคนต่างด้าว ได้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนสัญชาติไทย
ชุดสืบสวนจึงได้ทำการจัดเก็บข้อมูลเพื่อสืบสวนเพิ่มเติม และได้ทำการตรวจสอบกับนายทะเบียนอำเภอแม่ลาน พบว่าบัตรประชาชนดังกล่าวได้มาโดยไม่ชอบ จึงดำเนินการจำหน่ายบัตรดังกล่าวที่นายซามิ แสดง และได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายซามิ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ต่อมาชุดสืบสวนได้จับกุมนายซามิ ในข้อหาใช้หรือแสดงบัตรฯลฯ , เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไม่ได้รับอนุญาต และทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้จากการประสานข้อมูลกับนายทะเบียนอำเภอแม่ลานยังทราบว่านาย IKRAM ที่เคยโดนจับกุม และถูกผลักดันส่งกลับออกนอกราชอาณาจักร มีความสัมพันธ์เป็นพี่ชายของนายซามิ และมีการสวมบัตรประชาชนเช่นเดียวกับนายซามิ
ต่อมาทางอำเภอแม่ลานได้ทำการจำหน่ายบัตรอีกจำนวน 9 บัตร และได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยศาลจังหวัดปัตตานีได้อนุมัติออกหมายจับผู้ถือบัตรดังกล่าว จำนวน 9 หมายจับ รวมของนาย IKRAM ซึ่งจากคำให้การของซามิ ทราบว่าผู้ต้องหารายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักรไทย ต่อมาชุดสืบสวน ตม.จว.ปัตตานี ได้นำหมายจับทั้ง 9 หมาย มาตรวจสอบพบว่า หมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ระบุชายไม่ทราบชื่อตามรูปภาพ บุคคลตามหมายจับนี้น่าจะกระทำความผิดด้วยการสวมบัตรประจำตัวประชาชนของนายอับดุลราชีพ โดยแนวทางการสืบสวนพบว่าบุคคลดังกล่าวน่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน
จากการนำข้อมูลการเปิดบัญชีธนาคาร ข้อมูลทางเฟซบุ๊ก รูปงานพิธีแต่งงานกับภรรยาซึ่งเป็นคนไทย ในการ์ดงานแต่งระบุชื่อ นาย JAFFAR พร้อมทั้งมีการนำภาพถ่ายจากหมายจับและภาพถ่าย นาย JAFFAR มาเปรียบเทียบผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (BIOMETRIC) จึงรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดพร้อมทำรายงานการสืบสวนนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เพื่อขอให้ศาลพิจารณาเปลี่ยนหมายจับจากหมายจับตามรูปภาพ ขอระบุชื่อ ชื่อสกุลสัญชาติ และหมายเลขหนังสือเดินทางของผู้กระทำความผิดตามหมายจับดังกล่าว
จนกระทั่งศาลจังหวัดปัตตานีได้อนุมัติหมายจับ ในฐานความผิด “ร่วมกันแจ้งข้อความหรือพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานในการขอมีบัตรฯลฯ” จากการสืบสวนของ ตม.จว.ปัตตานี ทราบว่า นาย JAFFAR พักอยู่ที่บ้านพักในย่าน ถ.สุรินทร์ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต จึงได้ไปตรวจสอบ เมื่อพบนาย JAFFAR จึงได้แสดงหมายจับและจับกุมนำตัวส่งพนักงานสวบสวน สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ///-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี