คนน้ำชีชงข้อเสนอรับนายกฯลงพื้นที่แก้ปัญหาน้ำ วอนฟังข้อมูลอีกด้านหนึ่งของชาวบ้านด้วย
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2567 ณ วัดบ้านบ้านอีโก่ม ตำบลเทอดไทย อำเภอทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด เครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชี จังหวัดร้อยเอ็ด ประมาณ 70 คน ได้จัดเวทีประชุมเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาเขื่อนน้ำชี และวางแนวทางในการศึกษาระบบนิเวศน้ำชี โดยในที่ประชุมได้ร่วมกันวิเคราะห์ถึงการลงพื้นที่ตรวจราชการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มีแผนการเดินทางลงพื้นที่ไปติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชีกลาง (เขื่อนร้อยเอ็ด) และมีข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีถึงการบริหารจัดการน้ำที่จะต้องฟังเสียงของประชาชนด้วย ในกรณีปัญหาการบริหารจัดการน้ำของรัฐที่ผ่านมาจะต้องเร่งแก้ไข ตลอดจนการพร่องน้ำออกก่อนหลังเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังเสร็จ เพื่อเตรียมรองรับน้ำใหม่ และร่วมมือกับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อศึกษาทางเลือกการจัดการน้ำระดับชุมชนให้เมาะสมแต่ละนิเวศ
นายจันทรา จันทาทอง กรรมการเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชี กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตีลงมาพื้นที่ เพื่อมาดูเขื่อนร้อยเอ็ด การบริหารจัดการน้ำ ของจังหวัดร้อยเอ็ด มองว่าการแก้ไขปัญหาต้องแก้หลายระบบเพราะหน่วยงานราชการที่ดูแลไม่เข้าใจบริบทของน้ำและไม่สามารถจะบริหารจัดการได้เหมือนที่ผ่านมา การบริหารจัดการน้ำจะต้องเข้าใจทิศทางการไหลของน้ำจริง ๆ และวางแผนให้รอบคอบทั้งสายน้ำ จากเขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร และเขื่อนธาตุน้อย เพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรเหมือนที่ผ่านมา อยากให้นายกรัฐมนตรีฟังเสียงของภาคประชาชนบ้างว่าเขาต้องการบริหารจัดการน้ำอย่างไรที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชนคนลุ่มน้ำชีและพื้นที่การเกษตรเหมือนน้ำท่วมที่ผ่านมากินระยะเวลา 3-4 เดือน ไม่ใช่จะเอาแต่นโยบายและโครงการที่ไม่สอดคล้องกับการจัดการน้ำในพื้นที่มาบริหารแล้วส่งผลกระทบ จึงอยากให้มีการแก้ไขปัญหาเขื่อนที่ทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซากที่ก่อปัญหาให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนโดยเร่งด่วน
“อยากฝากบอกถึงท่านนายกฯเศรษฐาว่า หยุดโครงการ โขง เลย ชี มูล ยุติการสร้างเขื่อนใหม่ในแม่น้ำชี ที่ก่อผลกระทบต่อชาวบ้าน และเร่งเยียวยาผลกระทบจากการสร้างเขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร และเขื่อนธาตุน้อยอย่างเร่งด่วน”นายจันทรา กล่าว
นายสิริศักดิ์ สะดวก ที่ปรึกษาเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชี จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อดูการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนร้อยเอ็ด แต่เสียดายที่ไม่ให้ภาคประชาชนได้นำเสนอพูดคุยด้วย เพราะการฟังข้อมูลจากหน่วยงานรัฐแต่เพียงฝ่ายเดียวก็จะได้ข้อมูลด้านเดียว ในส่วนของชาวบ้านลุ่มน้ำชีจะมองน้ำคือวิถีชีวิตเข้าไปสัมพันธ์ตั้งแต่เกิดจนตายในหลายด้านจนก่อให้เกิดวิถีชีวิตที่หลากหลายด้าน เช่น ด้านการเกษตร ด้านการหาปลา ด้านความเชื่อ และด้านการอนุรักษ์ เป็นต้น
“นายกรัฐมนตรีลงไปดูการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนร้อยเอ็ดนั้นเป็นเขื่อนตัวที่สี่ ที่สร้างกั้นแม่น้ำชี และด้านล่างยังมีเขื่อนยโสธร-พนมไพร เขื่อนธาตุน้อยอีกด้วย การบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำชีที่มีเขื่อนอยู่แล้วจะต้องให้สัมพันธ์กับฤดูกาลเพื่อลดความเสี่ยงของน้ำท่วมขังที่กินระยะเวลายาวนานในพื้นที่การเกษตร ซึ่งหมายถึงหน่วยงานที่ควบคุมเขื่อนจะต้องพร่องน้ำออกหลังชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังเสร็จ เพื่อเตรียมรองรับน้ำใหม่ และแสดงให้เห็นถึงวิธีการบริหารจัดการน้ำที่รัฐไม่จำเป็นที่จะเดินหน้านโยบายการจัดการน้ำขนาดใหญ่ซึ่งใช้ภาษีของประชาชน และควรร่วมมือกับชาวบ้านในการหาทางเลือกในการจัดการน้ำแล้งที่เหมาะสมกระจายตามนิเวศที่ให้ชาวบ้านได้กำหนดกันเองในแต่ละชุมชน”นายสิริศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี