ทนายเดินหน้าคัดค้านฝากขัง‘ตะวัน-แฟรงค์’ครั้งที่ 4 พร้อมขอเบิกตัวมาให้ศาลเห็นว่าเมื่ออยู่ในความดูแลของ รพ.แล้ว ปลอดภัย-แข็งแรงหรือไม่ มองตำรวจไร้มาตรฐานฝากขังผู้ต้องหา เหน็บขอให้ทำแบบนี้ทุกคดี หยันไทยไม่ได้เป็นคณะมนตรีสิทธิฯ สหประชาชาติ
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 8 มีนาคม 2567 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางมายื่นคำร้องคัดค้านการฝากขังผัดที่ 4 ของพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ซึ่งมี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้ต้องหาฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญาและร่วมกันกระทำด้วยประการใดอันเป็นการก่อความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะ , ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร กรณีป่วนขบวนเสด็จ
นายกฤษฎางค์ เปิดเผยว่า ตอนนี้อาการของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไม่ค่อยดีตามที่มีข่าว แต่ตนไม่ได้เข้าไปเยี่ยมมาเป็นอาทิตย์แล้ว ให้น้องทนายคนอื่นไปเยี่ยมแทน ทราบว่ามีหลายๆคนกระแนะกระแหนว่าทั้ง 2 คนอดข้าวอดน้ำเพื่ออะไร ตนบอกได้ว่าเขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ต้องยึดตามหลักการ 3 ข้อ คือ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม , ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะเห็นต่างอีก และประเทศไทยไม่ควรได้เป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้เดินทางมาเพื่อขอไต่สวนคัดค้านการฝากขังครั้งที่ 4 วันนี้ก็ถูกฝากขังครบ 36 วันแล้ว จะครบวันนี้ เวลา 16.00 น. โดยตะวันกับแฟรงค์ ถูกแจ้งข้อหา ตามมาตรา116 วรรค2 คือ โทษจำคุกไม่เกิน7ปี ไม่มีโทษขั้นต่ำและศาลรับฝากขัง เพราะตำรวจอ้างว่าสอบพยานไม่เสร็จ จากการไต่สวนครั้งที่แล้วเหลือ พยานอีก 3-4 ปาก เป็นตำรวจด้วย วันนี้จะขอเบิกตัว ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ด้วยเหตุผลที่เบิกตัวมาทั้งๆที่เด็กเจ็บป่วย เราอยากได้ความเห็นจากศาล เนื่องจากการขอประกันตัวครั้งที่แล้ว ศาลก็บอกว่าอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลมีความปลอดภัยแล้วแข็งแรงก็อยู่ได้แล้ว อย่างที่ศาลเชื่อมันก็คงต้องเบิกตัวมาได้ เพราะการไต่สวนเรื่องนี้ต้องอยู่ต่อหน้าผู้ต้องหาว่าเขาคัดค้านหรือไม่
นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า แล้วตนจะถามว่าทำไมต้องฝากขังต่อ คดีอื่นๆได้ฝากขังหรือเปล่า ความจริงแล้วต้องเข้าใจว่าการฝากขังนี่คือการเอาตัวมาก่อนที่จะมีการฟ้องศาล ซึ่งยิ่งแย่ไปกันใหญ่ตรงที่ว่าไม่ให้สิทธิเด็กในการประกันตัวน้อง 2 คน ถ้าศาลไม่รับต่อ ศาลก็ปล่อยตัว ไม่ต้องประกัน แต่ถ้าศาลรับฝากขังไว้ก็คงต้องเป็นไปตามกลไก เพราะเด็กก็ประกาศว่าเขาจะไม่ประกันตัว หากพิจารณาตามโทษแล้วจะฝากขังระหว่างการสอบสวนไว้ได้แค่ 48 วัน ถ้าครั้งนี้จะรับฝากขัง ทางตำรวจคงพยายามขวนขวายไปฟ้องคดี แต่ปัญหาคือการฝากขังไม่มีกฎเกณฑ์แน่นอน บางคดีตำรวจก็ให้ประกันตัวบางคดีก็นำผู้ต้องหาไปฝากขัง
“ตำรวจก็ยอมรับว่าผู้ต้องหาทั้งสอง ถ้าไม่ฝากขังไว้เด็กมันก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แล้วก็ไม่ได้สามารถไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ข่มขู่ใครก็ไม่ได้ แต่ตำรวจก็ยังดันทุรังมาฝากขังและคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวอยู่ก็ตามใจแต่ว่าขอให้ทำแบบนี้ทุกคดีก็แล้วกัน” นายกฤษฎางค์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี