ผบช.ภ.3 แถลงผลงานการจับกุมยาเสพติด ของตำรวจชุดปฎิบัติการปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ได้ร่วมกับ ตชด. ทหาร และฝ่ายปกครอง กวาดล้างจับกุมได้ผู้ต้องหา 19 คน พร้อมของกลางยาบ้าร่วม 2 แสนเม็ด อาวุธปืน และตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 12 มี.ค.67 พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ , นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ปปส.ภาค 3 , พ.ต.อ.ก้องชาติ เลี้ยงสมทรัพย์ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ และนายปิยะ ปิจนำ รองผู้ว่าฯบุรีรัมย์ ร่วมกันแถลงข่าวผลปฏิบัติการยุทธการ "พิฆาตทรชน คนค้ายาอีสานใต้" ในห้วงระหว่างวันที 27 ก.พ.-6 มี.ค.67 ซึ่งเป็นผลงานการบูรณาการกำลังร่วมกันของตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์, เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชปส.ร้อย ตชด.216, หน่วยปราบปรามยาเสพติด ขกท.ศปก.ทบ.(นฝด.22, ขกท.กกล.สุรนารี) เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพราน ที่ 26, เจ้าหน้าที่ทหาร สขว.กอ.กรมน. ฝ่ายปกครอง อ.บ้านด่าน อ.เมืองบุรีรัมย์ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์, ตำรวจ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย, ฝ่ายปกครอง อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม และฝ่ายปกครอง อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด
โดยสามารถจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 2 เครือข่ายได้ผู้ต้องหา 19 คน ในพื้นที่ อ.นางรอง อ.เมืองบุรีรัมย์ อ.สตึก อ.กระสัง อ.ประโคนชัย อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ และในพื้นที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ได้พร้อมของกลางยาบ้ารวมทั้งสิ้น 168,066 เม็ด, ยาเค น้ำหนักรวมประมาณ 4.90 กรัม, อาวุธปืน 1 กระบอก, สิ่งเทียมอาวุธปืน 1 กระบอก, เครื่องกระสุนปืน 50 นัด และตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ประกอบด้วยรถยนต์ 4 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน รวมมูลค่ารวม 2,580,000 บาท
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 27 ก.พ.-2 มี.ค.67 ที่ผ่านมาชุดจับกุมได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาเสพ และค้ายาเสพติดเครือข่ายแรก จำนวน 7 คดี ได้ผู้ต้องหา 7 คน พร้อมของกลางจำนวนหนึ่ง ได้ในพื้นที่ อ.นางรอง อ.สตึก อ.กระสัง และ อ.เมืองบุรีรัมย์ จากนั้นชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายที่ 2 ในห้วงระหว่างวันที่ 4-6 มี.ค.67 จำนวน 7 คดี ได้ผู้ต้องหาอีก 8 คน โดยในจำนวนนี้สามารถจับกุมนักบิน หรือผู้ที่ทำหน้าขนลำเลียงยาเสพติดมาส่งมอบให้ลูกค้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมติดตามจับกุมได้ในพื้นที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม และสามารถตรวจยึดยาบ้า ได้ในบ้านพัก 73 มัดหรือประมาณ 146,000 เม็ด และยาบ้าอีก 9 ถุงซิป หรือประมาณ 1,800 เม็ด พร้อมโทรศัพท์มือถือ ที่ใช้ติดต่อในการแจ้งจุดวางยาบ้า และสมุดจดรายการบัญชีลูกค้าอีกจำนวนหนึ่งด้วย
พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผบช.ภ.3 กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 3 ทั้ง 8 จังหวัด ซึ่งการแพร่ระบาดยังไม่รุนแรง มีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการลักลอบนำเข้ามาตามแนวชายแดน เข้ามาพื้นที่ตอนใน ก็จะมีการซุกซ่อนแล้วไปจำหน่ายในพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชน
ส่วนในมาตรการการปฏิบัติของตำรวจภูธรภาค 3 ก็ถือไปตามแผนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ก็ได้ให้นโยบายในการที่จะให้ทุกพื้นที่ได้มีมาตรการสืบสวน ปราบปราม จับกุม ทั้งในเรื่องของการสกัดกั้น โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวชายแดน ซึ่งในส่วนนี้มาตรการการปฏิบัติก็ลงไปในพื้นที่ของในระดับสถานีตำรวจภูธร ในแต่ละ สภ. ให้มีการจัดชุดสืบสวนหาข่าว หากพบเบาะแสเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด เราก็จะมีการดำเนินการปราบปรามจับกุมอย่างจริงจัง
อย่างเช่น ในพื้นที่ของตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เราก็สืบสวนจับกุมจากผู้เสพผู้ค้ารายย่อย ก็นำไปสู่เครือข่ายที่เกี่ยวข้องแล้วก็ดำเนินการปราบปรามจับกุม ก็จะดำเนินการทั้งสืบสวนขยายผลผู้เกี่ยวข้องทุกรายแล้วก็จะยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ซึ่งก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงาน ปปส.ภาค 3 หน่วยงานฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหารในทุกพื้นที่ ตามยุทธการ “พิฆาตทรชน คนค้ายาอีสานใต้” กับผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ทุกราย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี