ศธ.เตรียมศึกษารวบรวมข้อมูลเสนอยูเนสโก ประกาศยกย่อง"พิธีไหว้ครู"เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2567 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ.เข้าร่วม ว่า ที่ประชุมรายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนการยกระดับผลประเมินผลนักเรียนระหว่างประเทศ หรือ PISA เชื่อว่าผลการประเมิน PISA ที่จะเกิดขึ้นในปี 2025 จะดีขึ้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ผลการประเมิน PISA เป็นเพียงตัวบงชี้หนึ่ง ในการวัดมาตรฐานการศึกษาของประเทศ ซึ่งยังมีหลายหน่วยงานที่เข้ามาดำเนินการขับเคลื่อนวัดประเมินผลผู้เรียน ทั้งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ซึ่งก็อาจจะต้องมีการดำเนินการทบทวนหลายๆเรื่อง เช่น การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปสืบค้นข้อมูล ว่า เพราะเหตุใดผลสอบโอเน็ต จึงไม่แสดงอยู่ในใบระเบียนแสดงผลการเรียน (รบ.1) ซึ่งส่วนตัวยังมีแนวคิดว่า ให้การสอบโอเน็ตเป็นไปตามความสมัครใจ แต่ก็อยากให้ผลการทดสอบไปแสดงผลในใบ รบ.1 ด้วย ส่วนนักเรียนคนใดที่ไม่สมัครใจสอบโอเน็ต ก็ให้ระบุในใบ รบ.1 ว่า ไม่สมัครใจ เพื่อแสดงผลในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ทั้งนี้ คงต้องไปดูในภาพรวมเพื่อขับเคลื่อนให้การจัดการศึกษามีมาตรฐานที่สูงขึ้น
"อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในเชิงลึก โรงเรียนต่างๆ ของ สพฐ.มีมาตรฐานการศึกษาที่ดี ซึ่งผมและ สพฐ.คงต้องลงไปดูว่าปัจจัยของความสำเร็จคืออะไร เบื้องต้นสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งถ้าเป็นไปตามโจทย์ ก็คงต้องมีการปรับวิธีคิด รีสกิล อัพสกิล ให้กับผู้บริหารสถานศึกษา โดยนำรูปแบบสถานศึกษาที่สามารถดำเนินการได้ดีมาขับเคลื่อน และจากการตรวจเยี่ยมโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ พบว่า บางโรงเรียน มีระบบการดำเนินการทดสอบยังไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะเรื่องการทดสอบ PISA ดังนั้น ขอให้ สพฐ.ไปสำรวจความพร้อม ทั้งสัญญาณอินเตอร์เน็ต หากไม่สามารถรองรับได้ อาจจะต้องปรับ ขยายฐานข้อมูลการจัดเก็บข้อสอบ PISA เพื่อให้รองรับนักเรียนได้ทั่วประเทศ และในทุกสังกัด สามารถเข้ามาทดลองทำข้อสอบ PISA ได้ เพราะโจทย์หนึ่งที่ทำให้ผลคะแนน PISA ต่ำ เพราะเด็กขาดทักษะในการทำข้อสอบ ดังนั้น ต้องให้เด็กมีโอกาสได้เรียนรู้" พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันจะต้องทำให้ครูมีเวลาสอนหนังสือมากขึ้น ตามนโยบายลดภาระครู ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการยกเลิกการอยู่เวรของครู และพยายามจะเพิ่มนักการภารโรง ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานประมาณได้เสนอให้ขอใช้งบปี 2567 แต่จากการประสานงานทราบว่า งบดังกล่าวไม่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ดังนั้น ศธ.จึงได้จัดทำรายละเอียด เสนอสำนักงานประมาณ เพื่อเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาขอใช้งบกลางปี 2566 ในการดำเนินการดังกล่าวไปพลางๆก่อน เพื่อให้สามารถจัดจ้างภารโรงได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ตามเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม การของบจ้างภารโรงถือเป็นความจำเป็น เพื่อลดภาระครู เพื่อให้ครูมีเวลาสอนหนังสือได้มากขึ้น เพราะมาตรฐานการศึกษาจะเกิดขึ้นได้ต้องลดภาระที่ไม่ใช้การสอนให้กับครู
"นอกจากนี้ ที่ประชุมยังทบทวนการจัดพิธีไหว้ครู ซึ่งเป็นประเพณีที่มีความหมายดีงาม ต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นการสักการะ และตอบแทนเพราะครูมีพระคุณกับเรา จึงต้องดำเนินการให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น โดย ศธ.เตรียมศึกษารวบรวมข้อมูลและจัดทำรายละเอียด คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เพื่อเสนอให้องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ประกาศยกย่อง "พิธีไหว้ครู" เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม รายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เพื่อจะได้ตอบกระแสสังคมว่า พิธีไหว้ครู ถือเป็นประเพณีที่ดีงาม ที่ทั่วโลกยังให้ความสำคัญยอมรับ ไม่ใช่ทำไปแบบไม่มีความหมาย ตรงนี้ เป็นสิ่งที่ท้าทาย มีวัตถุประสงค์เพื่อสงวนรักษาแนวปฏิบัติการแสดงออกถึงความรู้และทักษะที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นส่วนหนึ่งของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ เช่นเดียวกับ สงกรานต์ โขน นวดไทย และโนรา" รมว.ศธ.กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี