DSIลุยพื้นที่ภูเก็ต
สอบธุรกิจนอมินี
ค้นปางช้าง‘เดวิด’
วิลล่าหรูบุกรุกที่ดิน
ดีเอสไอ ลุยสอบธุรกิจคนต่างด้าวที่ จ.ภูเก็ต ตรวจค้นเป้าหมาย 9 จุด มีปางช้างมูลนิธิฯ ของ “เดวิด” ด้วย เร่งตรวจสอบเอกสาร หวั่นนอมินีถือครองแทน รวมทั้งเอกสารสิทธิที่ดินวิลล่าหรู หาดยามู
เมื่อวันที่ 14มีนาคม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542และกรณีการบุกรุกที่สาธารณะตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบ ในพื้นที่แหลมยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดย พ.ต.ต.ยุทธนา ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งมีการประชุมดำเนินการตามวงรอบปกติ พร้อมกับลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจในพื้นที่ 9 แห่ง แบ่งเป็น 2 สาย โดยนอกจากความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวยังมีการตรวจสอบความผิดตามกฎหมายเรื่องการท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ด้วย
จากการตรวจสอบตามเอกสารที่มีการแสดงเอกสารถูกต้องในสัดส่วนการถือหุ้นของชาวต่างชาติ ไม่เกิน 49% คนไทย 51% แต่ในส่วนของคนไทยที่ถือหุ้นต้องไปพิสูจน์ว่ามีการถือหุ้นแทนหรือนอมินีหรือไม่ รวมถึงต้องตรวจสอบเอกสารการเงินการครอบงำกิจการและหลายส่วนประกอบกัน เพื่อชี้ชัดว่าธุรกิจนี้เป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเป็นนอมินีหรือไม่ ซึ่งเป็นธุรกิจที่หวงห้ามไว้สำหรับคนไทย ซึ่งปัจจุบันชาวต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจมากมายทำให้สินค้าและบริการมีมูลค่าสูงขึ้น
“ใน9 เป้าหมายนี้ รวมถึงธุรกิจปางช้าง (Green Elephant Sanctuary Park)และมูลนิธิของนายอัวร์ส บีต เฟหร์ หรือเดวิด อายุ 45 ปี สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ผู้ต้องหาทำร้าย พญ.ธารดาว จันทร์ดำ หรือหมอปาย คือมูลนิธิGreen Elephant Wildlife ต้องเป็นไปโดยไม่แสวงหากำไรตามหลักเกณฑ์ โดยตรวจสอบการประกอบกิจการธุรกิจปางช้าง ทำอะไรมีหน่วยงานรับผิดชอบกฎหมายในส่วนนี้เข้าไปตรวจสอบด้วย คือ กรมการท่องเที่ยว ตำรวจท่องเที่ยว กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ใช้กฎหมายแต่ละส่วนราชการ เข้าตรวจสอบโดยขอเอกสารบางส่วน และจะตรวจเชิงลึกในเรื่องอื่นๆว่ามีการหลีกเลี่ยงอย่างไร จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด” พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าว
ก่อนหน้านี้ดีเอสไอ ได้ตรวจสอบนอมินีแล้วเรื่องทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป และยังคงดำเนินการอยู่ แต่หากจำนวนเงินไม่ถึงก็ยังมีอำนาจของพนักงานสอบสวนท้องที่ ซึ่งจากข้อมูลของ ผอ.กองคดีความมั่นคง ระบุว่า การตรวจปูพรม9 เป้าหมาย ได้ตรวจสอบจากข้อมูลเอกสารทางกายภาพก่อน โดยนายทะเบียนธุรกิจท่องเที่ยวฯ เป็นคนพิจารณาร่วมกัน เพียงแต่ในเชิงลึกจะเข้าลักษณะที่เป็นความผิดประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือไม่อย่างไรต้องดูในเชิงลึกของเส้นทางการเงินกับเรื่องอำนาจบริหารจัดการ ซึ่งมีข้อสงสัยอย่างไรในเรื่องโครงสร้างการถือหุ้นที่มีการถือหุ้นที่เป็นโฮลดิ้ง
ขณะเดียวกัน หลังจากนี้ข้อมูลทางการเงิน การบริหารจัดการ ถ้าเป็นลักษณะที่คนต่างด้าวหรือบริษัทต่างด้าวมีอำนาจในการบริหารจัดการ จะเข้าลักษณะที่เป็นนอมินีหรือการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เราจะดำเนินการต่อไปโดยขยายผลสืบสวนสอบสวน ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้ลงรายละเอียด
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้เข้าตรวจสอบที่หาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ซึ่งมีผู้ร้องขอให้ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และแปลงที่ดินที่วิลล่าหรู อยู่ในเขตพื้นที่หวงห้ามของทางราชการหรือไม่ จากการดูแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ มีประเด็นที่ตั้งข้อสงสัยว่าพื้นที่ก่อนจะขออนุญาตออกนส.3 ก.นั้นมีการทำประโยชน์หรือไม่
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติในเรื่องการทำประโยชน์ในแปลงดังกล่าว มีการใช้เอกสาร สค.1 มาออก นส.3 ก.เมื่อปี 2517 และปี 2548 นำมาออกนส.3 ก.แต่ทั้งนี้ การนำสค.1ช่วงปี 2517 ต้องตรวจสอบว่ามีการทำประโยชน์หรือไม่ สิ่งที่ต้องพิสูจน์ยืนยันคือแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณา แต่เท่าที่ดูด้วยตาเปล่าเห็นว่าเป็นป่าสมบูรณ์ ยังไม่เห็นร่องรอยการทำประโยชน์ จึงตั้งข้อสังเกตไว้ นอกจากนี้ต้องสอบพื้นที่ข้างเคียงโดยรอบถึงความเป็นมาบริเวณนั้นเป็นอย่างไร เบื้องต้นจะขอดูทั้งหาดยามูในที่ดิน 106 ไร่และตรวจสอบพื้นที่บริเวณข้างเคียงด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี