ทลายแก๊งเงินกู้
รีดดอกเบี้ยโหด
ร้อยละ520บาท/ปี
ข่มขู่ทำร้ายลูกหนี้
ตำรวจ ปอศ. เปิดปฏิบัติการค้นทั่วกรุง ทลายแก๊งเงินกู้โหดทำร้ายลูกหนี้ และปล่อยดอกร้อยละ 520 ต่อปี ข่มขู่ให้จ่ายหนี้ 3 จุดเงินหมุนเวียน 7 ล้าน
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ.สั่งการ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายรวม 3 จุดในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ กรุงเทพมหานคร เพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการนายทุนเงินกูนอกระบบดอกเบี้ยโหดใช้กำลังทำร้ายร่างกายลูกหนี้ และ รับจำนำรถโดยไม่ได้รับอนุญาต
ปฏิบัติการดังกล่าวทั้ง 3 จุด เบื้องต้นสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวน 5 ราย พร้อมของกลาง สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร 7 เล่ม สัญญาเงินกู้ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของลูกหนี้ 900 ฉบับ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 20 ใบ นามบัตรโฆษณาเงินกู้กว่า 10,000 ใบ สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ 5 เล่ม คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด 4 ฉบับ พร้อมกันนี้ยังได้ตรวจยึดทรัพย์สินอื่นๆที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำผิดอีกหลายรายการ
นอกจากนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบเหล่านี้ พบมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 7 ล้านบาท เบื้องต้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด, ร่วมกันกระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่ทำร้ายร่างกาย” ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดแรก บุกค้นห้องพักนายทุนเงินกู้นอกระบบย่านหลักสี่ ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหด รับจำนำรถจักรยานยนต์ เรียกดอกร้อยละ 120 ต่อปี ไม่ลดต้นไม่ลดดอก ที่ห้องพัก ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 06.10 น. วันที่ 21 มีนาคม
โดย พฤติการณ์ ด้วยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม นางสาว บี (นามสมมุติ) ผู้กล่าวหาได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. โดยให้การว่า นายชินภพ ได้ปล่อยเงินกู้ให้กับ น.ส.บี โดยเสนอคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน และคิดดอกลอย คือ ไม่มีการตัดเงินต้น จนกว่าจะนำเงินต้นมาปิดชำระยอด ส่วนการส่งดอกรายเดือนเป็นการส่งดอกเบี้ยอย่างเดียว ไม่มีการตัดเงินต้นแต่อย่างใด และเมื่อชำระดอกเบี้ยไม่ตรงกำหนด นายชินภพ จะโทรศัพท์มาทวงหนี้ในลักษณะข่มขู่ อ้างว่าจะมาทำร้ายร่างกายถึงที่บ้าน และมีการบอกว่าจะส่งลูกน้อง 2 คนไปทวงถามถึงที่บ้าน และที่ทำงาน ทำให้ น.ส.บี (นามสมมุติ) เกิดความหวาดกลัว จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ให้ดำเนินคดีกับ นายชินภพ
จนกระทั่งวันที่ 21 มีนาคม เจ้าหน้าตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ได้นำหมายค้นของศาลอาญา เข้าทำการตรวจค้น ห้องพักย่านแขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร พบนายชินภพ พักอาศัยอยู่ภายในห้องพักหลังดังกล่าว จึงแสดงหมายค้น และทำการตรวจค้นและจับกุม
โดยนายชินภพ ให้การว่ารับปล่อยเงินกู้นอกระบบให้กับลูกหนี้ทั่วไปในอัตราร้อยละ 10 ต่อเดือน หรือร้อยละ 120 ต่อปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ยแบบดอกลอย คือให้ลูกหนี้ชำระเงินต้นไปเรื่อยๆ จนกว่าลูกหนี้จะมีเงินต้น พร้อมดอกเบี้ยมาชำระในคราวเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบพบว่านายชินภพ มีการรับจำนำรถจักรยานยนต์ แล้วนำไปจอดไว้บริเวณหน้าห้องพัก กว่า 10 คัน อีกด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น จึงได้ตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นๆ หรือไม่
จุดที่ 2 บุกตรวจค้นจับกุมแก๊งหมวกกันน็อกดอกเบี้ยโหด โปรยใบปลิวเกลื่อนเมือง สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน ย่านนวมินทร์ โดยตรวจค้นวันที่ 21 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 06.15 น.ที่ บริเวณบ้านพักย่านนวมินทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ได้จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายพิเชษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี นายธีรภัทร (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี พฤติการณ์ ด้วยเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายเอ (นามสมมุติ) ได้แจ้งเบาะแสว่ามีกลุ่มบุคคลมีพฤติการณ์ ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ร้อยละ 40 ต่อ 28 วัน คิดเป็นอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 520 ต่อปี โดยหากลูกหนี้ชำระหนี้ไม่ตรงกำหนด กลุ่มเจ้าหนี้จะมีพฤติการณ์ทวงหนี้ในลักษณะข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้กระทำความผิด มีการแบ่งหน้าที่กันทำเป็นกระบวนการ คือ 1. หน้าที่ในการหาลูกค้า โดยมีวิธีโปรยนามบัตรเงินกู้ตามหน้าบ้าน และสถานที่สาธารณะในเวลากลางคืน, 2.หน้าที่คัดกรองลูกหนี้ โดยเมื่อได้รับการติดต่อจากลูกหนี้แล้ว จะทำการยืนยันตัวบุคคลลูกหนี้ ด้วยการไปดูสถานที่ที่ลูกหนี้ประกอบอาชีพอยู่และที่พัก, 3.หน้าฝ่ายอนุมัติและทำสัญญา ทำหน้าที่พิจารณาว่าจะปล่อยกู้ให้กับลูกหนี้รายใดบ้าง พร้อมกับทำเอกสารสัญญาเงินกู้กับลูกหนี้, 4.ฝ่ายติดตามทวงถามหนี้ ทำหน้าที่ตามเก็บเงินกับลูกหนี้ในทุกวัน โดยการปล่อยเงินกู้จะมีทั้งคิดอัตราดอกเบี้ยแบบดอกลอยคือ ไม่มีการตัดเงินต้น จนกว่าจะนำเงินต้นมาปิดชำระยอด ส่วนการส่งดอกรายเดือนเป็นการส่งดอกเบี้ยอย่างเดียว ไม่มีการตัดเงินต้นแต่อย่างใด อีกทั้งในการทวงหนี้จะใช้ชายฉกรรจ์ จำนวน 2-3 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ไปทวงถามหนี้โดยยืนกดดันและข่มขู่ลูกหนี้ให้ชำระดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้ลูกหนี้หวาดกลัวว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย จนจำยอมชำระดอกเบี้ยเงินกู้
ซึ่งสมาชิกในขบวนการมีนายพิเชษฐ์ และนายธีรภัทร เป็นผู้ร่วมขบวนการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายค้นที่บ้านพักของนายพิเชษฐ์ และนายธีรภัทร เพื่อจับกุมและยึดของกลาง
จุดที่ 3 “บุกรวบนายทุนเงินกู้ปล่อยกู้ดอกเบี้ยนอกระบบขาโหด ทวงหนี้ไม่จบ อัดลูกหนี้ซี่โครงหัก” ตรวจค้นจับกุม ต.ศาลาลอย อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 20 มีนาคม เวลาประมาณ 06.30 น. ตามหมายค้นของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 104/2567 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายฉัตรมงคล (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี นางน้ำฝน (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี
ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาเพื่อจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ตามหมายจับดังกล่าวข้างต้น และภายหลังทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาหนีกบดานอยู่ที่ พื้นที่ ต.ศาลาลอย อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี