‘บิ๊กต่าย’ย้ำยังไม่เซ็นสั่งพักราชการ
‘โจ๊ก’ยังบริสุทธิ์
ให้ว่าไปตามขั้นตอนก.ม.
ลั่นหากผิดต้องดำเนินการ
ก.ตร.ยันมีเวลาสอบ390วัน
“บิ๊กต่าย”ยันยังไม่สั่งพักงาน“บิ๊กโจ๊ก”รอนครบาลส่งรายงานให้กองวินัยพิจารณาโทษ ยันหากมีความผิดต้องดำเนินการ ขณะที่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เผยการร้องเอาผิดทางวินัยตำรวจระดับสูง ใช้มาตรฐานกฎหมายเดียวกัน หากพบมีมูลผิดวินัยร้ายแรงมีกรอบระยะเวลาพิจารณา 390 วัน
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้เข้ามอบตัวหลังจากมีหมายจับคดีฟอกเงิน คดีเว็บพนันออนไลน์ว่า ตอนนี้ยังไม่มีการเซ็นสั่งพักราชการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่อย่างใด วอนประชาชนอย่าได้สนใจเรื่องนี้เลย ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ข้าราชการตำรวจทุกนายอยู่ภายใต้กรอบ ระเบียบของกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตนไม่อยากจะเจาะจงไปที่บุคคลใด โดยเรื่องดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการ
ส่วนการตรวจวินัยของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็แยกกันไป เป็นไปตามกฎของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ในเรื่องของการดำเนินการทางวินัย ส่วนทางคดีอาญาก็ตรวจสอบกันไป ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกัน
สำหรับขั้นตอนกระบวนการก็จะมีการรับรายงานไปตรวจสอบ เริ่มจากรายงานตัวต้องคดี ทางกองคดีอาญาวินัยก็จะเสนอผู้บังคับบัญชา ผู้มีอำนาจตามมาตรา 105 ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่จะเป็นผู้สั่งการอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วจะเข้าสู่กระบวนการของการสงสัยว่าผิดวินัยหรือไม่ ถ้าไม่มีเรื่องดังกล่าวก็ถือว่าเป็นการยุติ แต่ถ้ามีก็ดำเนินการสอบสวนต่อ ทั้งนี้ ยังถือว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่ากองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ส่งเรื่องดังกล่าวมาที่กองวินัยแล้วหรือยัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐปฏิเสธว่ายังไม่ได้มีการส่งเรื่องดังกล่าวมาและ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังไม่ได้รายงานตัวต้องวินัยกับกองคดีอาญาวินัยและผู้บังคับบัญชา
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวถึงประเด็นการร้องเรียนเอาผิดทางวินัยนายตำรวจระดับสูง ว่า กระบวนการไม่ได้แตกต่างกันกับกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาตรฐานกฎหมายต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งการดำเนินคดีอาญาและการดำเนินการทางวินัย หลังจากที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษนายตำรวจระดับสูง รวมถึงตำรวจที่เกี่ยวข้อง และบุคคลอื่นๆ ตามแผนผังที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินจากบัญชีม้า โดยขั้นตอนหากพบว่ามีพยานหลักฐานที่จะกล่าวหาบุคคลใด ทางพนักงานสอบสวนจะต้องไปขอออกหมายเรียก หรือหมายจับ ซึ่งจะต้องดำเนินการไปตามกระบวนการหากมีหลักฐานเพียงพอ
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า อีกประเด็นได้มีการร้องเรียนเพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายตำรวจระดับสูง โดยนายษิทรา ได้ไปร้องเรียนที่คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวมี 9 คน โดย 3 ใน 9 เป็นตำรวจที่ผ่านการคัดเลือกตามระบบ คือ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ ส่วนอีก 2 ท่าน คือ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน และ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร เป็นคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. นอกจากตำรวจ 3 ท่าน แล้วทางกฎหมายก็ยังกำหนดให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน คัดเลือกผู้แทนมาเป็นกรรมการ 1 คน ส่วนคนที่ 5 ให้สภาทนายความเลือกทนายความที่ว่าความมีประสบการณ์กว่า 20 ปี คือ เลขาฯ สภาทนายความ ส่วนอีก 2 ท่านเป็นผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
นอกจากนี้กฎหมายยังกำหนดให้คณะกรรมการตุลาการพิจารณาผู้พิพากษาระดับศาลอุทธรณ์ 1 ท่านมาร่วมในคณะนี้ และคณะกรรมการอัยการชั้นผู้ใหญ่ 1 ท่านเข้ามาร่วม แต่ยังขาดอยู่ อย่างไรก็ตาม ทางกฎหมายระบุว่าเมื่อมี 7 คนก็สามารถดำเนินการได้
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า กรอบและระยะเวลาในการดำเนินการไต่สวนตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน หากไม่มีมูลก็สั่งยุติจบไป แต่ถ้ามีมูลสามารถไต่สวนพิจารณาหลักฐานต่างๆ ก่อนส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาลงโทษได้ มีกรอบระยะเวลา 120 วัน หากระหว่างการไต่สวนพบว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยร้ายแรงโทษสูงสุดอาจถึงไล่ออก ปลดออกมีระยะเวลา 270 วัน ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่ได้มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังมีบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมในการพิจารณาด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี