ไทยร้อนระอุ!
‘ภาคเหนือ’พุ่งแตะ43องศาฯ
เชียงใหม่อากาศแย่อันดับ1โลก
ทั่วไทยยังร้อนระอุ! ภาคเหนือ อุณหภูมิแตะ 43 องศาฯ ส่วน 22 จังหวัด “เหนือ-อีสาน” ฝุ่นพิษพุ่ง ขณะที่ จ.เชียงใหม่ ยังครองอันดับ 1 อากาศแย่ที่สุดของโลก
ต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 5 เมษายน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ขณะที่ลมใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง
สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ในขณะที่ลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
ส่วนพยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ อากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 39-43 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 39-41 องศาฯ ภาคกลาง อากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 38-42 องศาฯ ส่วน กทม.และปริมณฑล อากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด34-39 องศาฯ ภาคตะวันออก อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ10ของพื้นที่ ส่วนมากที่ จ.ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิสูงสุด34-40องศา
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศร้อนในตอนกลางวันมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ10 ของพื้นที่ ส่วนมากที่ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลาและยะลา อุณหภูมิสูงสุด34-39 องศา ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อนในตอนกลางวันโดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ10ของพื้นที่ ส่วนมากที่ จ.กระบี่ ตรังและสตูลอุณหภูมิสูงสุด34-38องศา
วันเดียวกัน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ, กรมควบคุมมลพิษ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอปพลิเคชั่น“เช็คฝุ่น” พบว่า 22 จังหวัดภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ เชียงราย 177.2 ไมโครกรัม แม่ฮ่องสอน 172 ไมโครกรัม เชียงใหม่ 169.4 ไมโครกรัม ลำพูน 152.4 ไมโครกรัม น่าน 140.8 ไมโครกรัม พะเยา 136.1 ไมโครกรัม ลำปาง 130.1 ไมโครกรัม แพร่ 113.9 ไมโครกรัม นครพนม 112.2 ไมโครกรัม เลย 107.3 ไมโครกรัม บึงกาฬ 103.4 ไมโครกรัม อุตรดิตถ์ 100.3 ไมโครกรัม หนองบัวลำภู 87.9 ไมโครกรัม อุดรธานี 86.7 ไมโครกรัม กาฬสินธุ์ 85.9 ไมโครกรัม หนองคาย 85 ไมโครกรัม มุกดาหาร 84.2 ไมโครกรัม ตาก 83.5 ไมโครกรัม สกลนคร 79.3 ไมโครกรัม สุโขทัย 79.1 ไมโครกรัม ร้อยเอ็ด 78.6 ไมโครกรัม และอำนาจเจริญ 75.5 ไมโครกรัม
ขณะที่อีก 15 จังหวัด มีค่าเกินมาตรฐานในระดับสีส้ม ที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่จะอยู่ในโซนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับพื้นที่ กทม.พบว่ามีคุณภาพอากาศดีไปจนถึงอากาศดีมาก
ด้านเว็บไซต์ cmuccdc.org ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รายงานสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่า ฝุ่น PM2.5 พื้นที่ภาคเหนือ ว่ายังคงวิกฤต โดยทั่วพื้นที่ภาคเหนือตอนบนปกคลุมไปด้วยหมอกควันหนาแน่น โดยเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ มีค่าเกินมาตรฐานสูงต่อเนื่อง ดัชนีคุณภาพอากาศแย่ และเป็นเมืองที่คุณภาพาอากาศแย่ที่สุด อันดับ 1 ของโลก อย่างน้อย 2 วันติดต่อกันแล้ว โดยค่าฝุ่น PM2.5 รายชั่วโมง พุ่งสูงทุกจุด มากที่สุดที่ อ.เชียงดาว 542 ไมโครกรัม
เช่นเดียวกับข้อมูลจาก https://www.iqair.com/th/thailand/chiang-mai ค่าเฉลี่ยดัชนีคุณภาพอากาศ(aqi) อยู่ที่ 185 โดยความเข้มข้นฝุ่น PM2.5 ในภาพรวมของ จ.เชียงใหม่ ขณะนี้เป็น 24.4 เท่าของค่าแนวทางคุณภาพอากาศประจำปีขององค์การอนามัยโลก ลดลงจากช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่มีค่ามากกว่า 196 us-iqair ทำให้ยังเป็นเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลกอันดับ 1 ต่อเนื่อง
ส่วนศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จ.เชียงใหม่ รายงานจุดความร้อน (Hotspot) พบว่ามี 104 จุด พบมากสุดในพื้นที่ อ.จอมทอง 22 จุด , แม่แตง 15 จุด , เชียงดาว 12 จุด , แม่ริม 10 จุด , สะเมิง 9 จุด , ไชยปราการ 6 จุด , กัลยาณิวัฒนา 6 จุด , แม่แจ่ม 5 จุด , แม่อาย 4 จุด , ฝาง 4 จุด , ฮอด 3 จุด , พร้าว 3 จุด , เวียงแหง 3 จุด ,อมก๋อย 1 จุด และแม่ออน 1 จุด จากสภาพดังกล่าวทำให้ประชาชนต่างรอความหวังว่าจะมีฝนตกก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น ท่ามกลางอากาศที่ยังร้อนอบอ้าว โดยศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า สภาพอากาศยังคงร้อนอบอ้าว อุณหภูมิสูงเกิน40องศา
ที่ จ.พะเยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ไฟป่ายังคงลุกลามไปในหลายพื้นที่ โดยไหม้บริเวณป่าบนดอยหลวง ข้างถนนพะเยา-วังเหนือ ทำให้จุดชมวิวกว๊านพะเยา และไร่สวนเกษตรกรได้รับความเสียหาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย อบต.แม่นาเรือ ได้นำรถน้ำ เข้าสกัดไฟป่าไม่ให้ลุกลามไปยังศาลาจุดชมวิวได้ทัน ทั้งนี้ จ.พะเยา มีเหตุไฟป่าเกิดขึ้นหลายครั้ง หลายจุด ส่งผลให้ค่าฝุ่นPM2.5 ในวันเดียวกันนี้ พุ่งสูงถึง 128 ไมโครกรัม หรืออยู่ในระดับสีแดง คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ และจากสถานการณ์ไฟป่าที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้สภาพอากาศปิด มีความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 อย่างมาก และทำให้อากาศร้อนอบอ้าวมีฟ้าหลวงตอนกลางวัน ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี