4 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ ดับแล้ว 162 ศพ เจ็บระนาว 1,279 ราย อุบัติเหตุ 1,259 ครั้งจยย.นำโด่งยานพาหนะเกิดอุบัติเหตุสูงสุด ศปถ.กำชับคุมเข้มผู้เดินทางกลับเข้า กทม. และหัวเมืองใหญ่ ชี้สถิติสูญเสียลดจากปีก่อน ด้านกรมคุมประพฤติ เผยคดี“เมาแล้วขับ” ยอดสะสม 4 วัน รวม 3,737 คดี
เมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 14 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการรณรงค์ “ขับขี่อย่างปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 317 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 311 คน ผู้เสียชีวิต 38 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 37.22 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 25.87 ทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 15.46 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จักรยานยนต์ ร้อยละ 87.51 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 80.76 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 35.65 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 35.33
ส่วนช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 18.01-19.00 น.ร้อยละ 7.57 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี ร้อยละ 20.92 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,763 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,529 คน
โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ น่าน (14 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ น่าน (16 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ (3 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 4 วันของการรณรงค์ (11-14 เมษายน 2567) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,259 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,279 คน ผู้เสียชีวิต รวม 162 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 21 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (50 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (54 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กทม.และร้อยเอ็ด (10 ราย)
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวต่อว่า วันเดียวกันนี้ประชาชนบางส่วนยังมีการเล่นน้ำสงกรานต์ ขณะที่บางส่วนเดินทางกลับเข้า กทม.และจังหวัดที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจแต่ละภาค ทำให้เส้นทางสายหลักเริ่มมีการจราจรหนาแน่น ศปถ.จึงประสานให้จังหวัดเพิ่มความเข้มข้นการดูแลความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน โดยพื้นที่ที่ยังมีการเล่นน้ำสงกรานต์ ให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะเส้นทางโดยรอบสถานที่จัดงานสงกรานต์ และช่วงเวลากลางคืน
ส่วนในเส้นทางสายหลักขาเข้า กทม.และเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างภูมิภาค เน้นการจัดตั้งจุดตรวจและเพิ่มความถี่เรียกตรวจในเส้นทางเสี่ยง โดยเฉพาะทางตรงที่มีระยะทางไกลและจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย พร้อมกันนี้ ยังเน้นย้ำให้จังหวัดดูแลความเรียบร้อยของพื้นที่ซึ่งจัดการเล่นสงกรานต์ โดยดูแลไม่ให้มีความวุ่นวาย การทะเลาะวิวาท การพกอาวุธเข้าไปในพื้นที่จัดงาน การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กฎหมายกำหนดและจำหน่ายให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หากมีกรณีเด็กและเยาวชนเสียชีวิตจากการดื่มแล้วขับ ขอให้พื้นที่เร่งติดตาม ตรวจสอบ และสืบสวนหาผู้ที่จำหน่ายหรือสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนดื่มแอลกอฮอล์เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ด้านนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี และเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา (11-14 เมษายน 2567) แม้ว่าจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจะลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของเทศกาลสงกรานต์ปีที่ผ่านมา แต่ ศปถ.ยังกำชับให้จังหวัดดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง
วันเดียวกัน นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติในวันที่ 14 เมษายน 2567 รวมทั้งสิ้น 2,136 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 2,106 คดี และคดีขับเสพ 30 คดี สำหรับยอดรวมสะสม 4 วันของ 7 วันอันตราย 3,890 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 3,737 คดี คิดเป็นร้อยละ 96.07 คดีขับรถประมาท 3 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.08 คดีขับเสพ 150 คดี คิดเป็นร้อยละ 3.85 โดย กทม.มีคดีเมาขับสูงสุดอันดับหนึ่ง 399 คดี รองลงมา นนทบุรี 227 คดี และสมุทรปราการ 214 คดี ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่คุมประพฤติในวันที่ 4 ของ 7 วันอันตรายปี 2566 พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา 315 คดี และปี 2567 จำนวน 2,106 คดี เพิ่มขึ้น 1,791 คดี
สำหรับบรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ยังคงมีกิจกรรม โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ออกมาร่วมเล่นน้ำสงกรานต์กันท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว เช่นที่อุทยานแห่งชาติเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี มีนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ มาเล่นน้ำสงกรานต์และพักผ่อน ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เช่นเดียวกับจุดเล่นน้ำ 4 มุมเมือง ที่มีกิจกรรม 4 วัน 4 คืน มีนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย ออกมาเล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างสนุกสนาน
ขณะที่วัดคลองเพชร ต.วังกระแจะ อ.เมือง จ.ตราด มีชาวไทยและแรงงานต่างด้าว ซึ่งเข้ามาทำงานในพื้นที่ ร่วมกันตักบาตร ขนทรายเข้าวัดก่อเจดีย์ทราย ตามความเชื่อเพื่อความเป็นสิริมงคล ส่วนวัดต่างๆ ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.แม่ฮ่องสอน ต่างมีกิจกรรมประกวดก่อพระเจดีย์ทราย โดยที่วัดสุพรรณรังสี หรือวัดจองคำ และวัดจอมแจ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน มีการทำบุญปักตุง จุดเทียนเสริมมงคลชีวิตในวันปีใหม่เมือง ซึ่งบรรดาพุทธศาสนิกชนได้ร่วมทำบุญกัน
ที่วัดอินทาราม จ.สมุทรสงคราม มีการจัดงานรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุคือนายเหม ปลั่งเจริญผล อายุ 94 ปี ซึ่งยังมีสุขภาพแข็งแรง โดยปู่เหม ได้ให้พรลูกหลานที่มารดน้ำในครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ที่วัดอุสภาราม ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีการจัดขบวนแห่องค์หลวงพ่อดิ่งและหลวงพ่อน้อย แห่ไปตามถนนจรัญญานนท์ เพื่อให้ชาวบ้านได้สรงน้ำขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
ส่วนเทศบาลเมืองกำแพงเพชร ได้จัดพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีประชาชนมาร่วมบวงสรวงสักการะและนำของเซ่นไหว้ต่างๆ และน้ำส้มป่อย ไปสรงน้ำพระพุทธรูป และที่เสาหลักเมืองจำลอง ซึ่งประชาชนบางส่วนได้รองน้ำที่รดเสาหลักเมือง กลับไปสักการบูชาและผสมน้ำอาบเพื่อเป็นสิริมงคล เนื่องจากชาวกำแพงเพชร ต่างเชื่อว่าเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์
อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศการเดินทางกลับเข้า กทม.ภายหลังวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่าบริเวณถนนมิตรภาพ ช่วง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี มีปริมาณรถหนาแน่นทุกช่องทาง ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้า รถยังเคลื่อนตัวสลับกับติดขัดเป็นบางช่วง ซึ่งทางตำรวจทางหลวงปากช่อง ต้องเปิดเส้นทางพิเศษ จาก กม.ที่ 57 ถึง 47 ขณะที่ตำรวจทางหลวงหินกอง จ.สระบุรี ยังไม่ได้เปิดช่องทางพิเศษ อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลอดทั้งวันจนถึงวันที่ 16 เมษายนนี้ น่าจะมีปริมาณรถหนาแน่น โดยทางตำรวจจะพิจารณาเปิดช่องทางพิเศษขาเข้า กทม.8 ช่องทาง จากหลัก กม.ที่ 99 ถึง 71 เขต อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และอาจเปิดยาวถึง กม.54 อ.บางปะอิน ส่วนรถที่จะเข้าสระบุรี ให้ใช้ช่องทางคู่ขนาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี