ร้อง‘เศรษฐา’ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
‘บิ๊กโจ๊ก’บุกปปช.
เอาผิดม.157/กรณีตั้งผบ.ตร.
นายกฯงงทำไมเพิ่งมาร้องเรียน
ย้ำชัดไม่เอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใด
‘ป้อม’ปัดไม่รู้จัก‘สุชาติ’ปปช.
“บิ๊กโจ๊ก” ลั่นสู้หมดหน้าตักยื่นสอบ นายกฯเศรษฐา ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้ง “บิ๊กต่อ” เป็นผบ.ตร. ทั้งยังสั่งย้ายช่วยราชการ-ส่งกลับ สตช. ก่อนถูกให้ออกราชการเชื่อโดนรุมกินโต๊ะสกัดนั่งผบ.ตร.ขณะที่”เศรษฐา”ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ด้าน ไม่ได้ลำเอียงเอประโยชน์ใคร ‘ประวิตร’ มาแล้วยันไม่รู้จัก ‘สุชาติ’ กรรมการป.ป.ช. เป็นการส่วนตัว หลังโดนบิ๊กโจ๊กโยนระเบิดใส่ ประธานวันนอร์ แนะให้ไปร้องศาลฎีกา
เมื่อวันที่ 22 เมษายน เวลา 10.00 น.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นหนังสือถึงนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขา ป.ป.ช. เอาผิดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และชุดพนักงานสอบสวน หลังมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกดำเนินคดีและเข้าสู่กระบวนการสอบสวนอย่างไม่เป็นธรรม นาน 6 เดือน จนถึงขั้นให้ออกจากราชการไว้ก่อน รวมทั้ง เอาผิดนายกฯกรณีละเว้นปฎิบัติหรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 โดยย้อนไปตั้งแต่การตั้งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล เป็นผบ.ตร.ที่ตนเองมีส่วนได้เสีย
ต้องสู้เพื่อความถูกต้อง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ตนต้องออกมาต่อสู้เพื่อตัวเอง เน้นในเรื่องของคดีอาญาที่มีการดำเนินการโดยมิชอบ พร้อมกางหลักฐานขั้นตอนการสอบสวนตน เริ่มจากมีการดำเนินคดีกับลูกน้องตนทั้ง 8 คน และมีการขยายผลมายังตนและลูกน้อง รวม 5 คน ท้ายที่สุดทาง ป.ป.ช. มีมติเรียกกลับสำนวน เพราะเป็นคดีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งตามกระบวนการ ตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน โดยไม่ได้มีหน้าที่ในการสอบสวน หรือออกหมายเรียก หรือขอศาลออกหมายจับ
แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้น พนักงานสอบสวนกลับมีการทยอยแบ่งสำนวนกันทำ ทั้งที่เป็นเส้นเงินเดียวกัน ผู้ต้องหากลุ่มเดียวกัน และเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งต้องส่ง ป.ป.ช. และเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ตนมองว่าการสอบสวนของตำรวจ สน.เตาปูน ไม่เป็นธรรม แจ้งข้อหาความผิดฐานฟอกเงิน ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ป.ป.ช. ต้องสอบสวน ถ้าหากความเสียหายมูลค่าเกินกว่า 300 ล้านบาท ต้องเป็นอำนาจของ DSI พนักงานสอบสวนจะต้องส่งสำนวนคดีพิเศษให้ดีเอสไอ ภายใน 15 วัน
แฉตร.ซอยคดีเล่นงาน
ต่อมาทางพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน อ้างว่า ความเสียหายไม่ถึง 300 ล้าน แต่ภายหลังพบว่าสำนวนที่ส่งให้ ป.ป.ช. มีความเสียหายอยู่ที่ 490 ล้านบาท ซึ่งตนมองว่าการที่พนักงานสอบสวน สอบสวนแทน ป.ป.ช. ไม่ได้หวังผลในเรื่องคดี แต่หวังผลไม่ให้ตนขึ้นตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งตนเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. อันดับที่ 1 แต่ถ้าหากตนเป็นอันดับที่ 6 คงไม่ถูกกระทำแบบนี้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องนี้มองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง และมีการแบ่งงานกันทำ ตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมมาตลอด ขอให้โอนสำนวนมายัง ป.ป.ช. แต่กลับไม่โอน กระทั่งวันที่ 18 เม.ย. มีคำสั่งให้ตนออกจากราชการไว้ก่อน วันถัดมา 19 เม.ย. คณะพนักงานสอบสวนกลับส่งสำนวนให้กับ ป.ป.ช. ซึ่งมองว่าถ้ามีการส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ตั้งแต่แรก ตนจะอยู่ในฐานะ “ผู้บริสุทธิ์” เพราะคณะกรรมการยังไม่มีการชี้มูลความผิดและคดีจะเป็นที่สิ้นสุด ตามกฎหมายจะไม่สามารถแต่งตั้งหรือโยกย้ายตนได้ พร้อมย้ำว่า “ถ้าสอบสวนอย่างเป็นธรรม แล้วผมผิดจริง ผมออกเลย เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงหมอบไปแล้ว “
ส่งตัวกลับสตช.ไปโดนเชือด
สำหรับการยื่นเรื่องร้องเรียนนายเศรษฐาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังมีคำสั่งให้ตนไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ต่อมามีการตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนตน 60 วัน ตนกำลังจะไปให้การ แต่กลับมีการส่งตัวกลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วให้ออกจากราชการ ทั้งที่การสอบยังไม่สมบูรณ์
ส่วนเรื่องเอกสารที่ปรากฏสู่สาธารณะ ที่ได้มีการทำหนังสือคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของหนึ่งในกรรมการ ป.ป.ช. และขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ตอบชัดเจนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ บอกเพียงว่า สื่อคงเห็นรายละเอียดอยู่แล้ว เชื่อว่าทาง ป.ป.ช. จะเอาไปประชุมพิจารณา
บอกเป็นคนปักษ์ใต้สู้ไม่ถอย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังพนมมือขึ้น พร้อมคำกล่าว “เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ใครทำไรได้อย่างนั้น ใครมาทางไหนไปทางนั้น เมื่อองค์กรผมให้ความยุติธรรมไม่ได้ จึงต้องร้ององค์กรนอก”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ใครเกี่ยวข้องตนจะดำเนินคดีทั้งหมด และในท่อนท้ายของเอกสาร มีการลงชื่อพยานกล่าวอ้างถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้มีการหารือก่อนลงชื่อหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ขอไม่ตอบในส่วนนี้ พร้อมยืนยันว่าตนไม่ใช่คนปล่อยเอกสารฉบับนี้ออกมาแน่นอน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่ได้กลับเข้าสู่เส้นทางข้าราชการตำรวจแล้ว จะหันไปเล่นการเมืองหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิด เอาเรื่องสู้คดีก่อน
“โชคดีที่ผมเป็นคนใต้ เป็นนักสู้เต็มตัว ถ้าเป็นคนอื่นก็คงออกไปแล้วแต่ผมไม่ใช่”พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวย้ำ
ปปช.ร่ายยาวเอกสารหลุด
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ทำหนังสือคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าได้รับหนังสือมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีเรื่องคัดค้านเรื่องใดบ้าง และดูข้อกฎหมาย ส่วนจะต้องสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช.คนดังกล่าวไว้ก่อนหรือไม่ ต้องรับฟังเหตุผลทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเป็นเพียงแค่คำร้อง ต้องตรวจสอบคำร้องว่าระบุอย่างไร
ส่วนกรรมการป.ป.ช. คนดังกล่าวจะต้องถอนตัวออกจากการพิจารณาคดีของพล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หรือไม่นั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงตามคำร้องก่อน ว่าที่ส่งมามีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอะไรบ้าง
ขอดูรายละเอียดเอ่ยถึงบิ๊กป้อม
เมื่อถามว่าต้องเรียกสองบุคคลตามที่ถูกอ้างอิงในท้ายคำร้องของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ มาพูดคุยหรือไม่นั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ส่วนที่มีชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อยู่ในเอกสารนั้น ต้องไปดูว่า พล.อ.ประวิตร เป็นพยานในเรื่องอะไร ซึ่งก็เป็นแนวทางยืนยันว่ายังไม่มีข้อยุติ และยังไม่ได้มีการพูดคุยกับคณะกรรมการปปช. ส่วนจะมีการส่งเรื่องถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่นั้น ต้องดูข้อพิจารณาก่อนว่าป.ป.ช. มีอำนาจส่งเรื่องให้กับประธานสภาฯ หรือไม่
พิจารณาอำนาจปปช.
ส่วนจะเป็นการถ่วงเวลาในการพิจารณาคดีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หรือไม่นั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่ง เรื่องแต่ปัจจุบันเรื่องของการตรวจสอบก็ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ยังอยู่ในระดับชั้นของเจ้าหน้าที่ ถือว่ายังไม่กระทบ และยังไม่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กระแสข่าวว่าพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ จะเดินทางมาในวันนี้ยังไม่ได้รับการประสานมา
“วันนอร์”แนะส่งศาลฎีกา
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะขอให้ ปปช. ส่งเรื่องมาให้ประธานสภาฯ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการป.ป.ช. ทางสภาฯจะมีอำนาจหน้าที่หรือไม่ ว่า ยังไม่ได้มีการส่งเรื่องมา แต่ความจริงการตรวจสอบกรรมการป.ป.ช. ไม่ต้องส่งมาที่สภาฯ หากต้องการตรวจสอบก็ส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาทางการเมืองได้เลย
ข้องใจบิ๊กโจ๊กทำไมเพิ่งมาร้อง
บ่ายวันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษษณ์ถึงกรณีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช เอาผิดนายกฯกรณีละเว้นปฎิบัติหรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 โดยย้อนไปตั้งแต่การตั้งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล เป็นผบ.ตร.ว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเคยมีคนร้องไปแล้ว และครั้งนี้มาร้องซ้ำอีก แต่ตนมั่นใจว่าชี้แจงได้ และมีคำสั่งแต่งตั้งด้วยความเป็นธรรมซึ่ง กระบวนการแต่งตั้งมีกรรมวิธีการรับฟังความคิดเห็นทุกคนอย่างเป็นธรรม มีการพูดคุยกันในวงกว้าง ถึงจะมีการสรุป
ผู้สื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร้องครั้งนี้เพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและไม่ได้เป็นผบ. ตร เพราะนายกฯแต่งตั้งพล.ต.อ. ต่อศักดิ์ นายกฯ กล่าวว่า คะแนนในการโหวตในวันประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ก็ชัดเจนแล้ว มีมติ 9 ต่อ 1 เป็นอะไรที่บ่งบอกชัดเจนว่า มีคนไม่ออกเสียง 1 คะแนน แต่นอกนั้นเป็นคนที่เลือกพล.ต.อ.ต่อศักดิ์เป็นผบ.ตร ดังนั้นคนที่ไม่เห็นด้วย 1 เสียงก็เป็นเอกฉันท์
ย้ำทุกอย่างทำตามกม.
เมื่อถามว่า มีการร้องไปจนถึงการมีคำสั่งให้ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และการให้ออกจากราชการไว้ก่อน นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เสนอมา และตนก็รับทราบเฉยๆ และที่จริงหากตนไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกมาตรา 157 มากกว่า ขอย้ำว่ามั่นใจ เพราะทำตามกฏหมายทุกอย่าง และไม่ได้เข้าข้างใคร ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครคนใดคนหนึ่ง
เมื่อถามว่า ได้ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายผ่านมาตั้งนานแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมีการร้อง นายเศรษฐา กล่าวว่าสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ไม่ได้ลำเอียงให้คนใดคนหนึ่ง ยึดเอาผลประโยชน์พี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความคืบหน้าผลสอบของตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการ ได้รายงานมาหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยัง ช่วงวันหยุดก็คุยกันอยู่ แต่เรื่องที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกกล่าวหาเป็นคนละเรื่องกัน และเรื่องนี้ยังดำเนินการต่อไปเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งพล.ต.อ.สุรเชษฐ และพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไม่ได้เร่งของคนใดคนหนึ่งและไม่ได้มีธงว่าใครต้องผิดทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
บิ๊กป้อมไม่รู้จัก”สุชาติ”ปปช.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธไม่ทราบกรณีที่มีการเผยแพร่เอกสารคัดค้านการปฏิบัติหน้ากรรมการป.ป.ช. และขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมไม่เหมาะสม หลังมีชื่อปรากฎในเอกสารเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย พร้อมยืนยันว่า ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช.
ส่วนจะฟ้องร้องคนปล่อยเอกสารที่ทำให้เสียชื่อเสียงหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงไม่ฟ้อง ปล่อยให้เป็นไปตามการตรวจสอบของกระบวนต่างๆ และย้ำว่าไม่ทราบที่มาที่ไปเอกสารดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี