วันที่ 24 เมษายน 2567 จากกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช( ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม)ได้มีการโพสเฟสบุ๊คส่วนตัวโดยมีใจความว่า“ลัทธิเชื่อมจิต สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทำอะไรอยู่ ? ผมขอถาม นายอินทพร จั่นเอี่ยม. ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีเด็กคนหนึ่ง อายุประมาณ 8 ขวบ อ้างว่าตนเองเป็นบุตรของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าส่งมาเกิด เป็นพระอนาคามี เป็นพญานาคลงมาเกิด ใช้ฤทธิสอนธรรม สอนธรรมะด้วยวิชา #เชื่อมจิต ซึ่งไม่มีอยูในพระไตรปิฎก ของศาสนาพุทธนิกายเถรวาท เป็น #สัทธรรมปฏิรูป ถือเป็น #ลัทธิเชื่อมจิต เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือไม่ ? ที่จะออกมาดำเนินการกับเด็กคนดังกล่าว ที่สอนธรรมที่พระะพุทธเจ้าไม่ได้สอนไว้ ซึ่งบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎก ?ช่วยตอบคำถามหน่อยครับ อย่าเงียบ ทำงานหน่อย……ให้เวลา 3 วัน ที่ถามเพราะ หากไม่ใช่หน้าที่ มูลนิธิทนายกองทัพธรรม จะได้จัดการเอง !ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช( ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม)
ต่อมา ทางนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ พศ.และพม. ลงไปตรวจสอบโดยด่วน เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก ทั้งนี้ จะต้องตรวจสอบกับผู้ปกครองด้วยว่า มีการป้อนข้อมูลที่ผิดให้กับลูกหรือไม่ เพราะลำพังเด็กที่มีอายุยังน้อยน่าจะยังไม่มีการนึกคิดไตร่ตรองอะไรได้มาก รวมถึงตรวจสอบว่ามีใครอยู่เบื้องหลังเพื่อหวังหาประโยชน์จากน้องไนซ์หรือไม่
ล่าสุด นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เดินทางมาบรรยายเรื่อง"แนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการวัด ประชา รัฐสร้างสุข ระยะที่ 2 "ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติฯ วัดเขียนเขต พระอารามหลวงตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
โดยนายอินทพร จั่นเอี่ยม ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขอขอบคุณทางทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ซึ่งหากท่านมีอะไรจะแนะนำในการดำเนินการในเรื่องนี้ก็ถือว่าท่านมีส่วนร่วมในฐานะมูลนิธิกองทัพธรรม โดยในส่วนของทางราชการนั้นตนได้สั่งการตามคำสั่งของนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ พศจ.ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฏร์ธานึ ร่วมกับ พมจ.และเจ้าหน้าที่ตํารวจ ทำงานร่วมกัน โดยตนเองจะลงพื้นที่ตรวจสอบในไม่กี่วันนี้เนื่องจากมีผู้คนที่เข้าไปอยู่เชื่อมจิตเป็นจำนวนมากซึ่งส่งผลกระทบต่อหลักธรรมและรับคำสอนที่อาจจะผิดเพี้ยนไป
โดยเรื่องนี้ทางสำนักพุทธนั้นเราทำมาตั้งแต่ค้นแล้ว เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลักธรรมคำสอน ทางเราก็ปรึกษากับฝ่ายกฏหมายว่าหากเป็นเด็กที่ไม่ใช้พระภิกษุสามเณรเราจะสามารถเข้าไปดำเนินการกับเด็กและผู้ปกครองได้หรือไม่
โดยในข้อกฏหมายนั้นเราไปไม่ถึงที่มีลบหลู่ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ตลอดจนการก่อความวุ่นวายในที่ประชุม และ การแต่งกายเรียนแบบสงฆ์นั้นองค์ประกอบยังไปไม่ถึงเพราะไม่มีผู้เสียหายที่ซื้อคอร์ดแล้วมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งเราก็หาอยู่แต่ก็ยังไม่มีใครที่จะมาร้องทุกข์กล่าวโทษแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการซึ่งก็คาดว่าจะมีช่องทางในการดำเนินคดีทางกฎหมายได้
โดยจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ทางสำนักพุทธเองก็ได้มีการเข้าไปดำเนินการในเรื่องของพระสงฆ์ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง สองครั้งโดยครั้งแรกที่มีภาพพระประสงค์ปรากฏ ในโรงแรมที่มีการเชื่อมจิต ซึ่งจากการตรวจสอบพระสงฆ์รูปดังกล่าวได้มีการแจ้งว่าไม่เกี่ยวข้องเพียงแต่รับ นิมนต์ไปรับสังฆทานเพียงเท่านั้นในส่วนพระสงฆ์อีกรูป ที่ปรากฏคลิปไปกราบน้องนั้นทางเราก็ได้แจ้งไปที่พระผู้ปกครอง ดำเนินการซึ่งพระสงฆ์รูปดังกล่าวก็ยอมรับว่าใช่ท่านทางพระผู้ปกครองจึงได้ ให้ท่านออกจากวัดไปจำพรรษาที่อื่น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘พวงเพ็ชร’สั่งสำนักพุทธตรวจสอบ พ่อ-แม่ ‘น้องไนซ์ เชื่อมจิต’ ถ้าเข้าข่ายหลอกลวง สั่งฟันทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี