ป.ป.ส.จับหญิงไทย ซุกเคตามีน 320 กิโลกรัม ใต้ฐาน “หุ่นยนต์เหล็ก”15 ตัว เตรียมส่งออกไปไต้หวันถูกเจ้าหน้าที่จมูกไวเอกซเรย์เจอยึดได้เสียก่อน พบมีสาวลาวว่าจ้างเป็นเงิน 1.8 แสนบาท เร่งสอบสวนขยายผล
เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมศุลกากร ตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย (Australian Federal Police : AFP) และกระทรวงยุติธรรมไต้หวัน (Ministry of Justice Investigation Bureau, MJIB) พร้อมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการตรวจยึดเคตามีน น้ำหนัก 320 กิโลกรัม ซุกซ่อนในฐานรองหุ่นยนต์เหล็กขนาดใหญ่ 5 ตัว เตรียมส่งออกทางท่าเรือ มีปลายทางส่งไปยังไต้หวัน
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า การตรวจยึดเคตามีน ซึ่งถูกซุกซ่อนในฐานรองหุ่นยนต์ครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับออสเตรเลีย และไต้หวัน โดยเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา น.ส.บุ๋ม (นามสมมติ) อายุ 34 ปี มีพฤติการณ์ลอบส่งไอซ์ 108 กิโลกรัม ที่ซุกซ่อนในเครื่องแปรรูปอาหาร ไปยังออสเตรเลีย ต่อมาทางการออสเตรเลีย ติดตามตรวจสอบและจับกุมได้ พร้อมกับแจ้งมายังทางการไทย ว่ามีบริษัทที่เกี่ยวพันกับการลอบส่งยาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งตรวจสอบ และทราบข้อมูลบริษัทที่ส่งสินค้าไปยังออสเตรเลีย
ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าว กำลังจะส่งหุ่นยนต์เหล็กไปยังไต้หวัน เจ้าหน้าที่ศุลกากร ประจำท่าเรือฯ จึงเข้าตรวจสอบพบว่าฐานรองใต้ตัวหุ่นยนต์ มีการบรรจุหีบห่อยาเสพติด เป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภทที่ 2 (เคตามีน) 320 กิโลกรัม จึงมีการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนจะมีการดำเนินคดี
ด้านนายปฤณ กล่าวว่า กรณีนี้เริ่มจากการที่ผู้ต้องหารายดังกล่าว เคยมีพฤติการณ์ส่งไอซ์ ไปยังออสเตรเลีย จึงนำข้อมูลไปสืบสวนขยายผล จากนั้นได้ประสานบริษัทขนส่งเอกชน ว่าหากมีการขนส่งสินค้าไปยังต่างประเทศโดยผู้ต้องหารายนี้ ขอให้แจ้งกลับมา กระทั่งวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา จึงได้รับข้อมูลว่ากำลังมีการจัดเตรียมส่งสินค้าประเภทหุ่นยนต์เหล็ก ไปยังไต้หวัน จึงมีการประสานทางศุลกากร เข้าตรวจสอบและพบหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ 15 ตัว พร้อมกับฐานรองทั้งหมด 10 ชิ้น ซึ่งในจำนวนนี้ 5 ตัว มีการซุกซ่อนหีบห่อยาเสพติดเป็นมัดๆ พบว่าเป็นเคตามีน น้ำหนักรวม 320 กิโลกรัม จึงยึดไว้เป็นของกลาง ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนเบื้องต้น ก่อนนำส่ง บช.ปส.รับไว้ดำเนินคดี
นายปฤณ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้สั่งการให้ผู้ต้องหาลอบส่งออกหุ่นยนต์ที่ซุกซ่อนเคตามีน เป็นหญิงชาวลาว ซึ่งทั้งสองได้พบกันที่สถานท่องเที่ยวในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ก่อนจะมีการว่าจ้างโดยตกลงให้เงินในการลอบขนเคตามีนครั้งนี้ เป็นจำนวน 180,000 บาท ทั้งนี้ ขบวนการค้ายาเสพติดมักจะหาวิธีการในการซุกซ่อนยาเสพติดด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบและติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ดี ทางศุลกากร ได้มีระบบเอกซเรย์สินค้าก่อนลงเรือ จึงพบการกระทำผิดก่อนจะมีการส่งสินค้าไปยังปลายทาง
ขณะที่นายพันธ์ทอง เปิดเผยว่า ทางศุลกากร มีการจัดทำข้อมูลบริหารความเสี่ยงเกี่ยวกับตัวสินค้าและลักษณะการบรรจุ ที่มักจะพบว่าเมื่อสินค้าไปถึงท่าเรือ มักมีสินค้าที่พบการซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมาย เมื่อได้รับการประสานงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงมีการเอกซเรย์สินค้า ทำให้พบการลักลอบซุกซ่อนเคตามีนในหุ่นยนต์ดังกล่าวซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ตรวจพบ แต่ด้วยปัจจุบันมีการใช้ระบบ e-commerce มีการขนส่งสินค้าในปริมาณน้อยแต่มีความถี่สูง จึงมีการประสานข้อมูลการจับกุมเรื่องยาเสพติดกับทาง ป.ป.ส.และ บช.ปส.ให้รับทราบ นอกจากนี้สถานการณ์ของเล่น (อาร์ตทอย) มักจะถูกนำเข้าช่องทางเร่งด่วน จึงมีการเฝ้าระวังและเอกซเรย์ทุกหีบห่อ ยืนยันว่าศุลกากร ยังไม่พบการซุกซ่อนยาเสพติดในอาร์ตทอย แต่มักจะซ่อนในตุ๊กตาราคาถูกมากกว่า เพราะอาร์ตทอยค่อนข้างราคาแพง
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พร้อมคณะ ร่วมกันแถลงผลการตรวจยึดยาเสพติด พร้อมของกลาง ยาบ้าประมาณ 5,300,000 เม็ด โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า การตรวจยึดยาบ้าครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ มายังพื้นที่ภาคกลาง โดยขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ จนทราบว่านายศรายุทธ หรือเอ็ม โรนิน เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสิงห์บุรี และศาลอาญา เป็นตัวการ ซึ่งปัจจุบันนายศรายุทธ ได้หลบหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังมีความเคลื่อนไหวโดยเป็นผู้สั่งการ และติดต่อซื้อขายยาเสพติดจากชนกลุ่มน้อย โดยให้นายวีระยุทธ หรือเฟิร์ส และนางซไรตุซ สัญชาติกัมพูชา แฟนสาว ทำหน้าที่รับยาเสพติดจากกลุ่มทีมลำเลียงจากภาคเหนือ มาเก็บไว้ภายในบ้านพักที่เช่าไว้ในพื้นที่ จ.สระบุรี เพื่อรอส่งมอบให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดตอนในของประเทศไทย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ ได้สะกดรอยก่อนเข้าจับกุม นางซไรตุซ ได้ที่บ้านเช่า อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี พร้อมของกลาง ยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด และรถยนต์ที่ใช้ลำเลียง แต่นายวีระยุทธ ไหวตัวทัน หลบหนีไปได้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า หากยาบ้าลอตนี้เล็ดลอดไปถึงพื้นที่ชั้นใน จะมีมูลค่าสูงถึง 150 ล้านบาท และนอกจากจับกุมผู้ต้องหายึดของกลางไว้เผาทำลาย ทางตำรวจและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ยังขยายผลตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ค้าเพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดต่อไป
ด้านนายชาดา กล่าวว่า นโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลไม่ได้มุ่งเน้นทำหน้าที่เพียงแค่ตำรวจ แต่ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกัน เพราะเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดไม่ได้ทำผิดเพียงแค่ค้ายา แต่ยังมีเรื่องของการฟอกเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อีกทั้งแต่ละเครือข่ายก็มีวิธีหลบหลีกตบตาเจ้าหน้าที่ หาช่องทางหลีกเลี่ยงการตรวจค้นจับกุม จึงต้องวางมาตรการในการปราบปรามสกัดกั้นให้ทันกับเล่ห์เหลี่ยมของกลุ่มผู้ค้ายา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี