กนอ.รุดช่วยผู้ได้รับผลกระทบ
ไฟไหม้บ.มาบตาพุดแทงค์ฯ
“ประธานบอร์ด กนอ.” ลงพื้นที่ติดตามผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้มาบตาพุด แทงค์ฯ พร้อมตรวจเยี่ยมชุมชนหนองแฟบ เล็งถอดบทเรียน ป้องกันเกิดเหตุซ้ำ! โดยรับฟังปัญหาความกังวลของชาวบ้านที่อยู่ชุมชนโดยรอบ ส่วนใหญ่กังวลเรื่องการเยียวยา-ผลกระทบด้านสุขภาพ ขณะที่เจ้าหน้าที่บริษัทมาบตาพุด แทงค์ฯและกนอ.รุดเยี่ยมแม่และเด็กอายุ 8 เดือน ที่ได้รับกระทบจากสารเคมี พร้อมไปรักษาตัวที่รพ. และดูแลครอบครัวให้จนกว่าจะหาย
ความคืบหน้าจากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ถึงเก็บสารเคมี บริษัทมาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ รวมถึงต้องมีการอพยพประชาชนบริเวณใกล้เคียงออกจากพื้นที่จำนวนมากนั้น
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ทำการชุมชน บ้านหนองแฟบ ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ประธาน กนอ.) นำกรรมการ กนอ. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่พบชาวบ้าน ในชุมชนหนองแฟบที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ถังสารเคมีของบริษัทมาบตาพุด แทงค์ฯ โดยเข้ารับฟังรายงานสรุปสถานการณ์ ปัญหาอุปสรรค แนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ การติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม และการดูแลประชาชน
“ผมแจ้งผู้เกี่ยวข้อง นำเหตุการณ์นี้มาถอดบทเรียนเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น ครั้งนี้ถือว่าสามารถระงับเหตุได้ทันต่อสถานการณ์ และไม่ลุกลามไปยังถังข้างเคียงซึ่งอาจก่อให้เกิดความสูญเสียมากกว่านี้ได้” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
จากนั้น ประธานกรรมการ กนอ. และคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ณ ชุมชนหนองแฟบ จังหวัดระยอง พร้อมทั้งให้ความมั่นใจกับผู้ได้รับผลกระทบว่า ทางบริษัทฯ พร้อมเยียวยาและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดย กนอ. และจังหวัดระยอง พร้อมให้การช่วยเหลือ ส่วนเรื่องของสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ คงต้องใช้เวลาตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุใดต่อไป
ด้านนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า วันนี้ (11 พ.ค.) ได้ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทีมผจญเพลิง และรับฟังแผนการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ เพื่อให้กลับสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็ว นอกจากนี้ ยังกำชับ ขอให้ดูแลผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด ทั้งชุมชน สิ่งแวดล้อม และผู้ประกอบการโดยรอบ ที่สำคัญ ต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยความระมัดระวังสูงสุด
อย่างไรก็ตาม กนอ. อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39 วรรค 1 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้บริษัทฯ ดำเนินการดังนี้ให้ บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด หยุดประกอบกิจการโรงงานบางส่วน ดังต่อไปนี้ 1.หยุดการใช้งานถังบรรจุสารเคมีหมายเลข TK-1801 และ TK-1701 รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และให้ดำเนินการตรวจสอบ ประเมิน วิเคราะห์หาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรวจสอบความปลอดภัยโครงสร้างความแข็งแรงของถังบรรจุสารเคมี โดยต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอก (Third Party) 2.หยุดการใช้งานชั่วคราวถังบรรจุสารเคมีหมายเลข TK-4701 เพื่อตรวจสอบด้านความปลอดภัย 3.ตรวจสอบระบบความปลอดภัยและระบบดับเพลิงทั้งโรงงาน 4.ติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง
5.ดำเนินการจัดการน้ำเสีย สารเคมีที่เกิดขึ้นจากการระงับเหตุให้ถูกต้องตามกฎหมาย 6.ติดตามตรวจสอบผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อชดเชยหรือเยียวยาอย่างเหมาะสม 7.กำหนดมาตรการป้องกันการเกิดซ้ำ ในระยะสั้นและระยะยาว 8.หากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพื่อความปลอดภัยของโรงงานในส่วนของพื้นที่ข้างต้น ให้บริษัทฯ ขออนุญาต กนอ. ก่อนดำเนินการทุกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนเด็กชาย อายุ 8 เดือน ซึ่งเข้าตรวจรักษาที่ศูนย์ตรวจสุขภาพชุมชนตากวน เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ด้วยอาการซึมและอาเจียนหนัก ขณะที่มารดาอาเจียนเป็นเลือด ซึ่งแพทย์ตรวจวินิจฉัยแล้วระบุเบื้องต้นว่าเด็ก 8 เดือนมีอาการเม็ดเลือดแดงแตก ได้ให้ยามารับประทานเบื้องต้น แต่ไม่ได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลนั้น วันนี้เจ้าหน้าที่บริษัท และของ กนอ. ของ ท่าเรือมาบตาพุด ได้เข้าเยี่ยมและขอร้องให้แม่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยระบุจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมทั้งการดูแลลูกเล็กๆอีกสองคนซึ่งไม่มีคนเลี้ยงให้ได้ไปอยู่กับผู้เป็นแม่ที่ รพ. ระหว่างเข้ารับการรักษา จนกว่าจะหาย
วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวจากครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้ถังเก็บสารเคมีบริษัท มาบตาพุดแทงค์ฯคือ นายนพพร เรือนมา อายุ 33 ปี ซึ่งญาตินำร่างออกจากโรงพยาบาลระยองกลับไปทำพิธีทางศาสนา ที่บ้านเกิดจังหวัดเชียงรายโดยรถตู้ ของมูลนิธิ ฯบรรทุกศพออกจากโรงพยาบาลระยองตั้งแต่เวลา 15.30 น. วันที่ 10 พฤษภาคมนั้น ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าคนขับรถตู้บรรทุกศพได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจระยองให้รีบนำร่างผู้เสียชีวิตกลับไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำการชันสูตรซึ่งขณะนั้นรถได้เดินทางไปถึงจ.อ่างทองแล้ว ทำให้ญาติต้องนำร่างผู้เสียชีวิตกลับไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ตามที่ตำรวจได้แจ้งมา เพื่อชันสูตรพลิกศพโดยละเอียด
ในเรื่องนี้ พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยองเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สั่งกำชับให้ พ.ต.อ.ปัญญา ดำเล็ก ผู้กำกับการตำรวจภูธรมาบตาพุด ใช้ความละเอียดรอบคอบ เพราะ การตรวจสอบ หลักฐานรายละเอียดทางคดี ต้องผ่านจากนิติเวชเป็นการตรวจตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ให้แพทย์ยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจน โดยเฉพาะผลตรวจพิสูจน์ปอด เลือด และสารพิษตกค้างในร่างกาย ซึ่งสภาพศพบางครั้งการเห็นด้วยตาเพียงภายนอกไม่ได้หมายความว่าภายในไม่ได้เกิดอะไรขึ้น หากเผาศพไปแล้ว จะทำให้ยากต่อการตรวจสอบ การชันสูตรไว้อย่างละเอียดรอบคอบทำตามขั้นตอนเพื่อให้คดี รัดกุมที่สุด ส่วนร่างผู้เสียชีวิตนั้น เจ้าหน้าที่ส่งคืนร่างให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ จ.เชียงราย แล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (11 พฤษภาคม) หลังจากเมื่อคืนนี้ได้เข้ารับการผ่าชันสูตรเป็นคิวแรก ส่วนผลชันสูตร และรายละเอียด ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นดุลยพินิจของทางนิติเวช และพนักงานสอบสวน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี