5 ธ.ค.56 คำว่า “องคมนตรี” ในภาษาไทย เกิดขึ้นครั้งแรกในรัชกาลที่ 5 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งสภาขึ้น 2 สภา คือ สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน (Council of state) จำนวน 12 คน เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2417 (ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2437 ได้ยกเลิกไปและจัดตั้ง รัฐมนตรีสภา ขึ้นแทน) และปรีวีเคาน์ซิล (Privy council) หรือ ที่ปฤกษาในพระองค์ จำนวน 49 คน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2417 (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น องคมนตรีสภา)
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ระบุว่าเป็นคณะบุคคลที่พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและทรงแต่งตั้ง ผู้ทรงคุณวุฒิเป็น ประธานองคมนตรี คนหนึ่งและ องคมนตรี อื่นอีกไม่เกิน 18 คน ความเห็นที่ถวายต่อพระมหากษัตริย์ ต้องเป็นพระราชกรณียกิจ ที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษาเท่านั้น การเลือกและแต่งตั้งองคมนตรีหรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่งให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย โดย ประธานองคมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง องคมนตรี หรือให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง
คณะองคมนตรี จะทำการประชุมทุกสัปดาห์ ณ ทำเนียบองคมนตรี บริเวณพระราชอุทยานสราญรมย์ ใกล้พระบรมมหาราชวัง ด้านถนนสนามไชย
เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา จึงนำแง่คิดความในใจของ 19 องคมนตรีที่บักทึกอยู่ในหนังสือ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับองคมนตรี” ของ สภาทนายความ ที่สำนักข่าวอิศรานำบางช่วงบางตอนมาเผยแพร่ต่ออีกขั้นหนึ่ง
1.พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
“ไม่เพียงแต่ ‘คน’ เท่านั้นที่ได้รับพระราชทานพระเมตตา พระมหากรุณาและน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ‘สัตว์ ภูเขา สิ่งแวดล้อม ฯลฯ’ ก็ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาเช่นเดียวกัน”
2.นายธานินทร์ กรัยวิเชียร
“เมื่อมีผู้ใดจาบจ้วงล่วงละเมิดพระองค์ ไม่ว่าจะโดยการบิดเบือนสถานการณ์ หรือข้อเท็จจริงต่าง ๆ หรือโดยการปั้นน้ำเป็นตัว จะเห็นเป็นที่ประจักษ์แจ้งทั่วกันว่า ไม่เคยทรงตอบโต้หรือทรงมีปฏิกิริยาในทางใด ๆ ทั้งสิ้น พระองค์ทรงสงบนิ่ง เสมือนหนึ่งไม่เคยทรงมีเรื่องเหล่านี้มาแผ้วพานให้ทรงระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเลย พระองค์ทรงปฏิบัติได้อย่างไร? เรื่องนี้จะคิดเห็นเป็นอื่นคงยาก นอกจากว่าพระองค์ทรงปฏิบัติทศพิธราชธรรม ประการที่ 7 ‘อกโกธ’ หรือ ‘ความไม่โกรธ’ และทรงบำเพ็ญ ‘อภัยทาน’ ได้อย่างบริสุทธิ์และสมบูรณ์”
3.พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรู้จักทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย แผนที่ของพระองค์ท่าน เรียกได้ว่าดีและละเอียดกว่าของทุก ๆ คน เพราะทรงบันทึกขึ้นมาจากการเสด็จฯ ด้วยพระองค์เอง แม้แต่กรุงเทพฯ ที่เราคุ้นชินและรู้สึกว่าเป็นพื้นที่ราบเรียบ พระองค์ก็ยังทรงรู้ว่า ตรงไหนเป็นที่ต่ำ ตรงไหนเป็นที่สูง”
4.นายเชาวน์ ณศีลวันต์
“ผมมีความโชคดีเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสตามเสด็จไปวัดกรรมฐานต่าง ๆ เกือบทุกวัด ทั้งในภาคอีสานและภาคเหนือ จึงได้ประจักษ์และมีความประทับใจในความเป็นอัจฉริยะในทางพระพุทธศาสนาของพระองค์ท่านเป็นอย่างยิ่ง”
5.พลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ทรงเป็นที่รักเทิดทูนของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทรงเสียสละพระวรกาย ทรงทุ่มเทให้แก่ประชาชนของพระองค์มาตลอดหกสิบกว่าปีที่ทรงครองราชย์มาจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก”
6.พลอากาศเอก กำธน สินธวานนท์
“เกษตรกรที่ขาดน้ำก็ยากที่จะทำมาหากิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่า น้ำเป็นเรื่องที่ต้องจัดการก่อน ประเทศเรามีฤดูฝนที่ฝนตกน้ำท่วม มีฤดูแล้งที่ไม่มีน้ำ ปลูกพืชไม่ได้ จะทรงมองปัญหาตลอดแนว ทรงค้นหาสาเหตุ ทรงมองไปข้างหน้า โครงการเรื่องน้ำของพระองค์ท่านจึงครอบคลุมตั้งแต่การหาน้ำสำหรับที่แล้งด้วยฝนหลวง การรักษาต้นน้ำลำธารด้วยการปลูกป่า และการลดการตัดไม้ทำลายป่า การกระจายน้ำให้ใช้ประโยชน์ด้วยระบบชลประทานขนาดเล็กขนาดใหญ่ ซึ่งกักน้ำไว้เวลามีน้ำมาก เพื่อช่วยป้องกันน้ำท่วม และปล่อยให้เกษตรกรใช้เพาะปลูกเมื่อยามต้องการ ไปจนถึงการแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย”
7.พลเอก พิจิตร กุลละวณิชย์
“แม้จะทุรกันดารหรือเสี่ยงอันตรายเพียงใด ทั้งสองพระองค์ไม่ทรงย่อท้อ เสด็จฯ ไปทุกหนทุกแห่งเพื่อทรงช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ให้พอมีพอกินจะได้หลุดพ้น ไม่ตกไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของคอมมิวนิสต์”
8.นายอำพล เสนาณรงค์
“แนวพระราชดำริหรือพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ผมน้อมนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน คือ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง อย่างการสอนให้พึ่งตนเอง พอประมาณ เดินสายกลาง ให้ทำงานด้วยความมีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกัน เป็นคนดี และมีความสามัคคี ผมก็ยึดตามนั้นหมด แต่ผมยอมรับว่า หลักการเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ขึ้นอยู่กับอายุและชีวิตของครอบครัว บางอย่างบางคนเขาทำไม่ได้ คือ คนยังหนุ่มอยู่ ให้ไปพึ่งตนเองไปเดินสายกลาง นั่นคงทำไม่ได้ พออายุมากขึ้น ๆ ก็จะทำได้”
9.นายจำรัส เขมะจารุ
“การพิจารณาเรื่องราวการขอพระราชทานอภัยโทษแต่ละรายจะทรงพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด มีฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษหลายเรื่องที่ทรงพระเมตตา และแสดงให้เห็นว่าได้ทรงพิจารณาอย่างรอบคอบถึงอายุของนักโทษและความยุ่งยากของหน่วยงานราชการ ซึ่งหากจะคุมขังนักโทษรายนั้นต่อไป คงไม่เกิดประโยชน์อะไร”
10.พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช
“พระองค์ท่านทรงเป็นอัครศิลปิน และตามที่ผมเคยได้ฟังพระองค์ท่านทรงดนตรีกับนักดนตรีแจ๊สระดับโลก ผมยืนยันได้ว่า ฝีพระหัตถ์ทัดเทียมไม่แพ้พวกเขา”
11.หม่อมราชวงศ์เทพกมล เทวกุล
“เรื่องที่ขอเตือนสติคนไทยทุกคน คือ การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพยายามจะพัฒนาประเทศชาติในขณะที่คนอื่น ๆ ในชาติได้แต่เฝ้ารอให้สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น โดยที่มิได้ดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท จึงเป็นสิ่งที่น่าเศร้าใจที่คนไทยทั้งหลายไม่ตระหนักและยอมรับในสิ่งนี้ ...ทุกคนควรจะตระหนักว่า หนทางเดียวที่จะแสดงความเคารพต่อครู ก็คือเรียนรู้จากพระองค์ เพื่อที่จะนำความรู้นั้นไปช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เพียงแค่แขวนหรือประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ไว้ที่บ้าน...”
12.นายเกษม วัฒนชัย
“พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการปลูกข้าวว่า เป็นสิ่งที่ต้องตระหนักและให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกลมาก ๆ ถ้าเราเอานาไปทำอย่างอื่นหมด วันหนึ่งคนไทยต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ ถึงตอนนั้นข้าวคงมีราคาแพงแน่”
13.นายพลากร สุวรรณรัฐ
“ทรงให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนและเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ทรงเปิดพระราชหฤทัยกว้างรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ความต้องการของสาธารณชน โดยทรงระลึกถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ภายใต้หลักการ ‘ขาดทุน’ คือ ‘กำไร’ ทรงเน้นการ ‘ให้’ และ ‘เสียสละ’ เพื่อผลกำไร นั่นคือ ‘ความอยู่ดีมีสุขของราษฎร’ หรืออธิบายได้ว่า ขาดทุนในด้านเศรษฐกิจ แต่ได้กำไรในด้านสังคม”
14.นายสวัสดิ์ วัฒนายากร
“กาลเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นว่า หากไม่สร้างฝายตามแบบของพระองค์ การพลิกฟื้นผืนป่าจะไม่มีทางสำเร็จได้ เพราะการชะลอน้ำทั้งผืนป่าต้องใช้ฝายจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายในการสร้างฝายคอนกรีตเพียงฝายเดียว สามารถนำไปสร้างฝายแบบเรียบง่ายของพระองค์ได้เป็นร้อย ๆ ฝาย อีกทั้งการซ่อมแซมบำรุงรักษาก็ทำได้ง่าย เป็นพระปรีชาสามารถในการแก้ปัญหาที่ทุกคนคิดไม่ถึง”
15.พลเรือเอก ชุมพล ปัจจุสานนท์
“พระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพในด้านการต่อเรืออย่างยอดเยี่ยม ทรงเล่าถึงประสบการณ์ต่าง ๆ และปัญหาที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่กองทัพเรือต่อเรือ ต.91 ตลอดจนสภาพท้องทะเลในอ่าวไทย ซึ่งจะมีผลต่อการใช้เรือ”
16.นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ
“หลายคนอาจไม่รู้ว่า แม้ขณะประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อรับการถวายการรักษาพระวรกาย พระองค์ท่านก็ยังทรงงานพระบรมราชวินิจฉัยฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษอย่างสม่ำเสมอ และมีพระราชกระแสในฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษตลอดมาไม่ได้ทรงหยุด พระองค์ท่านไม่ได้ทรงรักษาพระองค์เหมือนคนป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวตามโรงพยาบาล แต่ยังคงทรงงานตลอดเวลา”
17.นายศุภชัย ภู่งาม
“สำหรับผม แม้จะมีความปลาบปลื้มและภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ปฏิบัติงานดังกล่าวถวาย แต่ลึก ๆ ก็รู้สึกหวั่นวิตกว่า จะปฏิบัติงานถวายบกพร่องหรือไม่สมบูรณ์ครบถ้วน แม้จะมีพื้นฐานในงานตุลาการมาตลอดชีวิตราชการก็ตาม ผมจึงพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง และมีความระมัดระวัง รอบคอบที่สุด หมั่นพัฒนาตนเอง ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ศึกษาจากแนวทางที่มีพระราชกระแสไว้เดิม ซึ่งพบว่าทรงพระบรมราชวินิจฉัยอย่างละเอียดรอบคอบ ประกอบด้วยเหตุผลที่เหมาะสมในกรณีที่ทรงเห็นว่า ผู้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีการายใดมีเหตุอันสมควรได้รับพระมหากรุณาก็จะมีพระบรมราชวินิจฉัยพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้นั้นตามสมควรแก่เหตุ”
18.นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ
“แม้จะทรงมีพระบรมเดชานุภาพและพระบารมีเป็นที่ยอมรับของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ดังที่เรียกกันว่า ‘อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ’ แต่พระองค์ก็ยังทรงเป็นนักประชาธิปไตยที่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายทุกประการ ไม่เคยทรงทำเกินหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญกำหนด”
19.พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุก
“ไม่เพียงแต่พระมหากรุณาธิคุณที่มีประชาชนชาวไทยและชาวเขาที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินไทยเท่านั้น แม้แต่กับสัตว์พระองค์ก็ทรงดูแลด้วยเช่นกัน ...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงช้างในเขตพื้นที่ป่ากุยบุรี ซึ่งพื้นที่แถบนั้น ชาวบ้านได้หักร้างถางพงไปใกล้กับพื้นที่ที่ฝูงช้างเคยอาศัยอยู่มาก่อน และมีข่าวยิงช้าง ล่าสัตว์ในเขตป่านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีข้อมูลของโขลงช้างต่าง ๆ เหล่านี้มาก่อนแล้ว จึงได้เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง นี่คือ พระเมตตาต่อสรรพสัตว์ในประเทศของเราด้วย”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี