มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดโครงการพัฒนาการสอนภาษาอังกฤษแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา 4 ภูมิภาค จุดประกายนวัตกรรมการศึกษา สร้างโรงเรียนต้นแบบ 36 แห่งทั่วประเทศ พัฒนาการจัดการเรียนการสอนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสร้าง Adaptive Learning พัฒนาบุคลากร การจัดการห้องเรียน และสร้างเยาวชน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ได้แล้วกว่า 12,600 คน
ดร.สุรินทร์ มั่นประสงค์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวจะส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย โดยครูสามารถสื่อสารและใช้สื่อทรัพยากรการเรียนรู้สมัยใหม่ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และมีศักยภาพสูงในการขยายผลการเรียนรู้ และยกระดับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ข้อสำคัญคือการได้ร่วมพัฒนาเยาวชน ซึ่งในโครงการนี้ได้ฉายภาพการเรียนรู้ของเด็กกว่า 12,600 คน เป็นจุดตั้งต้นที่ชัดเจน และมีบุคลากรการศึกษากว่า 150 คน จาก 36 โรงเรียนในทั้ง 4 ภูมิภาค ได้มีการเรียนรู้และปรับตัวไปสู่การเรียนรู้ที่เรียกว่า Adaptive Learning ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น คือ โดยเน้นการปรับกระบวนการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้เรียน และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาเป็นเครื่องมือกระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยไม่จำกัดเพียงแค่ในโรงเรียน แต่เรียนรู้ได้จากทุกที่ และสามารถที่จะเรียนรู้ได้ไม่จำกัดเวลา
ด้าน ผศ.ดร.มโน สุวรรณคำ ผู้ช่วยอธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวว่า มทร.ธัญบุรี ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินโครงการนี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจพื้นฐานและฝึกอบรมจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ทำให้ครูผู้สอนสามารถจัดการเรียนการสอนและใช้ชุดสื่อการสอนได้ ซึ่งหลังจากได้ทดลองจัดการเรียนตลอด 1 ภาคการศึกษา ในการใช้แพลตฟอร์มอัจฉริยะเพื่อการเรียนรู้ทักษะภาษาอังกฤษ เช่น โปรแกรม English Galaxy, Chivox, Edmodoworldจอสัมผัส แท็บเลต และหูฟัง ในการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ เราพบแนวปฏิบัติที่ดี จากครู 36 โรงเรียน ซึ่งมี 5 ประเด็นสำคัญคือ (1) การใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้และสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจสำหรับนักเรียน (2) บทเรียนที่เน้นการเรียนรู้แบบปฏิสัมพันธ์ เช่น กิจกรรมกลุ่ม การฝึกภาษาในสถานการณ์จริง และการใช้สื่อต่างๆช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ (3) การสร้างและสนับสนุนแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ทำให้นักเรียนมีโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะกับรูปแบบการเรียนของแต่ละคน (4) การใช้ข้อมูลในการติดตามความก้าวหน้าของนักเรียน และประเมินผลของการเรียนรู้ได้ตลอดและต่อเนื่อง เป็นการปรับปรุงกระบวนการการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพขึ้น และ (5) การสร้างพื้นที่ที่สนับสนุนการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างนักเรียนและครู และสร้างสถานการณ์ที่กระตุ้นการสนทนาและการทำงานกลุ่ม ทำให้นักเรียนมีความสุขและสนุกกับการเรียน
ทั้งนี้ ผลการทดลองของครูผู้สอนในภาพรวม พบว่า ชุดสื่อมีความทันสมัย น่าสนใจ ทำให้เด็กนักเรียนอยากเรียนรู้และสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้และยังเสริมสร้างทักษะการรู้ดิจิทัล ในระหว่างการเรียนวิชาภาษาอังกฤษสนับสนุนครูในการจัดการเรียนการสอน รวมถึงการวัดและประเมินผลได้อย่างดีมาก มองเห็นความสำคัญของชุดสื่อและกำลังวางแผนการขยายผลการใช้งานอย่างยั่งยืนต่อไปครูผู้สอนส่วนมากมีทัศนคติที่ดีต่อการบูรณาการชุดสื่อเทคโนโลยีของโครงการ การสวมบทบาทการเป็นผู้นำการสอน จึงเกิดบรรยากาศการเรียนรู้ที่ผ่อนคลายและสนุกสนาน เนื่องจากการลดบทบาทของความเป็นผู้สอน และเพิ่มบทบาทของการเป็นผู้ร่วมเรียนรู้ของครูผู้สอน ซึ่งนำไปสู่สร้างทัศนคติเชิงบวกต่อการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ และข้อสำคัญยังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนในเชิงนโยบายจากฝ่ายบริหารในทุกระดับ ทั้งในระดับสถานศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อสร้างสังคมการเรียนรู้อย่างยั่งยืนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี