nn ไม่ธรรมดาจริงๆ สำหรับความห่วงใยของประชาชนผู้ติดตามการทำงานของผู้ว่าฯชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะมูลฝอย เพราะเชื่อแน่ว่าการเปลี่ยนรถเก็บขนขยะดีเซลทั้งหมด 1,300 คัน เป็นรถใช้พลังไฟฟ้าที่ประเทศเจริญแล้วเขาใช้ เป็นโครงการซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก(เช่า) จึงเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดเสียงท้วงติงต่างๆ ไหลออกมาลักษณะเตือนให้ กทม.รอบคอบกับการเปลี่ยนแปลงถอนรากถอนโคนพอสมควร โดยที่เสียงเหล่านั้นเกือบร้อยทั้งร้อยต่างออกมาเตือนให้ กทม.ระมัดระวังรวมถึงทบทวนดีๆ หากจะนำเอารถไฟฟ้ามาวิ่งเก็บขนขยะแทนรถดีเซล 1,300 คัน เพราะแค่การทดลองรถดังกล่าวปรากฏว่าคุณภาพติดลบ เนื่องจากแรงอัด แรงเก็บขนยังไม่อาจสร้างความแข็งแกร่งความพอใจให้กับประชาชนที่เฝ้ามองดูอยู่ได้เท่าไหร่นักเลย จนมีเสียงตำหนิกระหึ่มว่า “กทม.มีความเสี่ยงสูง”ถูกครหา ที่สำคัญการทดลองไม่ใช่กระทำกันแค่วันสองวันหรือสามวัน แล้วสรุปว่า “รถไฟฟ้าดูดีมีสกุล” ทุกอย่างจะต้องกระทำติดต่อกันนานวัน เพราะถ้ารถพลังงานไฟฟ้าที่ กทม.วางรูปฝังรอยว่าจะพลิกเปลี่ยนทันทีทั้งหมดเกิดติดขัดขึ้นมา ย่อมส่งผลให้มีขยะตกค้างขึ้นตามมาทันที...

nn ต้องไม่ลืมว่ารถเก็บขนขยะพลังงานไฟฟ้าของญี่ปุ่น กว่าจะเข้ารูปเข้ารอยทั้งๆ เขาผลิตเองใช้เอง แต่เขาวางแผนการทดสอบอยู่นานวันกว่าจะตกผลึก ทั้งนี้ เพราะเขาเกรงจะกระทบต่อการจัดเก็บขยะ กระทบต่อคำประณามว่าไม่โปร่งใส ยิ่งกว่านั้นการเปลี่ยนโครงสร้างรถดีเซลเป็นพลังงานไฟฟ้า แรกเริ่มเดิมทีเขาใช้ผสมกันสองระบบ คือ รถไฟฟ้ากับรถน้ำมันดีเซล เนื่องจากเขากลัวผลกระทบกับประชาชน ยิ่งไปกว่าการใช้ระบบดังกล่าวเขามีการบอกกล่าวประชาชนล่วงหน้าอย่างทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ รู้ถึงผลดีผลเสียขณะใช้งานร่วมกัน...

nn เหนืออื่นใดจากข้อมูลที่มีการยืนยันระบุว่า ก่อนใช้ระบบรถพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ญี่ปุ่นเขาใช้สองระบบควบคู่กันไปถึงเกือบ 2 ปีเต็มทีเดียว เหตุผลก็เพราะเขาต้องมีคำตอบที่ชัดเจนให้กับประชาชนคนเจ้าของภาษีว่าระบบพลังงานไฟฟ้าดีกว่ารถดีเซลทุกมิติ รวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม...

nn สำหรับโครงการเก็บขนขยะด้วยรถพลังงานไฟฟ้าของ กทม.เป็นโครงการที่ดี แต่ กทม.ไม่ควรรีบร้อนจนเกินไป อันอาจสร้างปัญหาทีหลังให้กับการบริหารเก็บขนขยะ เพราะแค่รถพลังงานไฟฟ้าต้นแบบ 2 คัน ที่นำออกทดสอบโชว์ พูดตรงไปตรงมาแล้วคุณภาพย่ำแย่อืดอาดเชื่องช้าอย่างมากเกี่ยวกับอุปกรณ์อัดเก็บ หนำซ้ำการทำงานของกลไกเก็บอัดก็มีเสียงดังจนน่ารำคาญสาหัสสากรรจ์ หากยังไม่ฟังเสียงทัดทานติติง นอกจากผลเสียเรื่องขยะจะเกิดขึ้น แน่นอนการร้องเรียนถึงความไม่โปร่งใส่ก็คงจะต้องเกิดขึ้นตามมาอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน ดังนั้นทางออกที่ดีคือ กทม.ควรใช้สองระบบทำงานไปสักระยะ เพื่อให้รถไฟฟ้ามีความแม่นยำเกี่ยวกับคุณภาพที่ดีกว่าต้นแบบที่นำไปทดลอง...nn