วันที่ 7 มิถุนายน 2567 เวลา 09.50 น.  ที่ศาลจังหวัดปทุมธานี พนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต พร้อมกำลังได้ควบคุมตัวนายธนากรณ์ หรือแซน  อายุ 18 ปีเศษ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่ง(มรภ.) ผู้ต้องหาคดีฆ่าแฟนสาว มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก 

โดยพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์ผู้ต้องหาสรุปว่าเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 08.00 น.พนักงานสอบสวนสภ.ปากคลอง รังสิต ได้รับแจ้งเหตุมีผู้พบศพหญิง ไม่ทราบชื่อนามสกุล เสียชีวิตนอนอยู่ริมถนนเลียบใต้ทางด่วน ตรงข้าม บ้านแห่งหนึ่ง ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี จึงได้ร่วมกับแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกันชันสูตร พลิกศพพบ เบื้องต้นพบศพหญิง ไม่ทราบชื่อนามสกุล ถูกฆ่าปาดคอ และตัดข้อมือขาดทั้งสองข้าง นอนเปลือยกาย ห่อด้วยผ้า บริเวณกองขยะริมถนนที่เกิดเหตุจากการสอบสวน

นายทองแดง พยาน ที่เห็นเหตุการณ์ ได้ให้การว่า เวลาประมาณ 05.30 น. ขณะพยานนอนอยู่ในรถยนต์ตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ พบชายไม่ทราบชื่อ นามสกุล (ผู้ต้องหาในคดีนี้) ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดริมถนนแล้วกำลัง ดึงหญ้า และเศษขยะไป ปิดทับบริเวณกองขยะที่เกิดเหตุ มีลักษณะน่าสงสัยจึงได้นำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพชาย คนดังกล่าว รถจักรยานยนต์ไว้ ซึ่งพยาน ได้เดินพูดคุยกับชายดังกล่าว สอบถามว่า นำอะไรมาทิ้ง ไม่ให้ นำขยะมาทิ้งบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ชายดังกล่าวตอบกลับว่า “เอาของรักมาทิ้ง” และชายดังกล่าวได้ขับ รถจักรยานยนต์ออกจากที่เกิดเหตุไป 

ต่อมาเวลาประมาณ 08.00 น. พยาน และน.ส.อัมพวรรณ ภรรยา ได้พากันไปดูจุดที่ชายดังกล่าวนำสิ่งของมาทิ้งที่กองขยะ พบว่าเป็นศพถูกนำมาทิ้งไว้ จึงโทรศัพท์ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ   จากการสืบสวนโดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งริมถนนติดตามเส้นทางที่ ชายดังกล่าวขับขี่รถจักรยานยนต์ไป พบว่ารถจักรยานยนต์เกิดเหตุจอดอยู่หน้าบ้านแห่งหนึ่ง ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี มีคราบเลือดหยดที่หน้าบ้าน และที่รถจักรยานยนต์  พบพี่ชายของ ผู้ต้องหา อยู่ที่บ้าน จึงสอบถามพี่ชายของนายธนากรณ์ฯ แจ้งว่า ช่วงเวลาประมาณ 02.0 น. ได้ยินเสียงนายธนากรณ์ฯ ผู้ต้องหาทะเลาะกับ น.ส.วรัญญา ผู้ตายซึ่ง เป็นคนรักมีเสียงดังในห้องนอน จึงออกมาตะโกนห้าม และเสียงทะเลาะกันก็เงียบไป ต่อมาพี่ชายผู้ต้องหาได้ออกไปทำงานช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. โดยพบรถจักรยานยนต์ ผู้ต้องหามีรอยติดอยู่ที่รถจักรยานยนต์แต่ไม่ทราบว่าเป็นรอยเลือดหรือไม่ ก่อนออกไปทำงาน

ต่อมาช่วงเวลา ประมาณ 11.00 น.ได้ทราบข่าวจากมารดาว่านายธนากรณ์ฯ ผู้ต้องหา ได้ฆ่า น.ส.วรัญญาฯ แล้วนำศพไปทิ้ง จึงขับรถกลับบ้านมาดูผู้ต้องหาที่บ้าน แต่ประตูห้องนอนล็อคไว้จึงพังประตูเข้าพบผู้ต้องหากินยาฆ่าตัวตายนอน ชักอยู่

ต่อมาบิดามารดาจึงเข้ามาและเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มาตรวจสอบภายในห้องพบร่องรอยการต่อสู้และคราบเลือดในห้องน้ำ และในห้องนอน ส่วนผู้ต้องหาหมดสติและถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลฯ

จากพยานหลักฐานข้างต้นประกอบกับการสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ ตำรวจชุดสืบสวนจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าผู้ต้องหาได้เคลื่อนย้ายศพจากบริเวณหมู่บ้าน อาณาสิริ ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี ไปยังจุดเกิดเหตุที่พบศพ พยานหลักฐานยืนยันได้ว่านายธนากรณ์ฯ ผู้ต้องหาเป็นผู้ก่อเหตุฆ่า น.ส.วรัญญาฯ แล้ว นำศพไปทิ้งจริง

ต่อมาศาลจังหวัดปทุมธานีได้อนุมัติหมายจับ นายธนากรณ์ เอี่ยมละออ ตามหมายจับที่ 223/2567ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2567 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 67 เวลา 16.30น. กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจช ได้ร่วมกันจับกุมตัว ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 227/2567 ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2567 นำส่งพนักงานสอบสวนสภ.ปากคลองรังสิต แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีผู้ต้องหาฐาน“ฆ่าผู้อื่น, ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือลำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งศพ ส่วนของศพ และกระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199, 288, 366/3 และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิตดำเนินคดีตามกฎหมาย

เหตุเกิดเวลาประมาณ 02.00 - 15.30 น. ที่บ้านแห่งหนึ่ง ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี และถนนเลียบใต้ทาง ด่วน ตรงข้าบ้านอีกหลัง ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี  

การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่น, ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือลำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย, โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ได้ ประโยชน์ ซึ่งศพ ส่วนของศพ และกระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการ ชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น” 

ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การ “รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา”

ด้วยความจำเป็นดังกล่าวผู้ร้องจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 6 -17 มิถุนายน นี้  เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 7ปาก  รอผลการตรวจประวัติอาชญากรผู้ต้องหา  รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง และอื่นๆ 

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษจำคุกเกิน 3 ปี  หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาอาจจะหลบหนี

ศาลรับคำร้องฝากขังไว้พิจารณาเป็นคดี ฝ.201/2567 และอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ตามที่พนักงานสอบสวนสภ.ปากคลองรังสิตร้องขอ 

ภายหลังการฝากขัง ญาติผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว 

อย่างไรก็ตามศาลจังหวัดปทุมธานี พิจารณาแล้วเห็นว่าเนื่องจากเป็นคดีมีอัตราโทษสูง ลักษณะการก่อเหตุเป็นคดีสะเทือนขวัญ ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ในชั้นนี้จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว  ยกคำร้องและให้ออกหมายขังผู้ต้องหาส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำปทุมธานีต่อไป