"รอง อธ.อัยการ"สอบสวนร่วมสอบคดีจับเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 5 ลำ เผยอสส.ตั้งเป็นคดีนอกราชอาณาจักร อัตราโทษสูง ต้องเสียค่าปรับมาก คนให้ประกันเป็น ตร.ปอศ.ไม่เกี่ยวกับอัยการ ระบุยังไม่พบชื่อ"เสี่ยโจ้ ปัตตานี"ร่วมเอี่ยวด้วย
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน กล่าวถึงคดีการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 5 ลำในพื้นที่ จ.ชลบุรี เเละเรือของกลางหาย 3 ลำพร้อมน้ำมันอีกกว่า 3 แสนลิตร ว่า คดีนี้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ. ) มีหนังสือกราบเรียนท่านอัยการสูงสุดมาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 ว่ามีการจับกุมเรือทั้งหมด 5 ลำ บรรทุกน้ำมันเถื่อนโดยมีผู้ต้องหาทั้งหมด 28 คน ให้อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้พิจารณาเนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร โดยขั้นตอนก่อนที่จะถึงอสส.คดีจะต้องผ่านสำนักงานอัยการการสอบสวน ซึ่งจะต้องรับผิดชอบคดีนอกราชอาณาจักร
เมื่อ อสส.พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรก็ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน กก.2 ปอศ. เป็นพนักงานสอบสวนรับผิดชอบ พร้อมกับมีคำสั่งเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 ให้มีอัยการเข้าร่วมสอบสวน โดยมีอัยการ 2 คนมีตนเป็นหัวหน้าทีม เข้าไปร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวน ปอศ. เบื้องต้นพนักงานสอบสวนก็ปรึกษาหารือเบื้องต้นเเละอยู่ระหว่างการนัดหมายประชุมพนักงานสอบสวนในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ เเละก็เกิดเหตุการณ์เรือของกลางหาย 3 ลำโดยที่ยังไม่ได้มีการประชุมกัน
"ถึงเเม้เรือของกลางจะหายไป เเต่ต้องเเยกคนละส่วน เพราะการกล่าวหาคดีน้ำมันเถื่อนเป็นการกล่าวหาโดยชุดจับกุม ซึ่งประกอบด้วยตำรวจน้ำเเละตำรวจ ปอศ.จับกุมได้เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 การจับกุมเรือทั้ง 5 ลำที่บรรทุกน้ำมันได้ที่บริเวณอ่าวไทย ใกล้เเท่นขุดเจาะน้ำมันปิโตรเลียมจัสมิน จะเป็นคดีหลัก ในการทำบันทึกการจับกุมมีของกลางเป็นเรือบรรทุกน้ำมัน 5 ลำ ซึ่งบรรทุกน้ำมัน 3 ลำ ส่วนอีก 2 ลำไม่มีน้ำมัน โดยกล่าวหาว่าเรือทั้ง 5 ลำร่วมกันเทียบเรือเพื่อถ่ายน้ำมันเลยจับมาทั้งหมด"นายวัชรินทร์ กล่าว
และว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเเน่ชัดใครเป็นเจ้าของเรือ เเต่ผู้รับผิดชอบเป็นนายท้ายผู้ควบคุมเรือทั้งหมด 5 ลำ มีผู้ถูกกล่าวหา 28 ราย คือนายสุนทร เขียวสุวรรณ กับพวกเป็นผู้ต้องหา มีน้ำมันอยู่ในเรือ คนที่ถูกจับใน 28 รายมีทั้งคนไทย พม่า ลาว และกัมพูชา เเต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย ทำหน้าที่เป็นลูกเรือ ควบคุมเรือ มีการเเจ้งข้อหาร่วมกันพยายามนำเข้ามาหรือส่งออกภายนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังไม่ผ่านวิธีทางศุลกากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯมาตรา 242 ฐานร่วมกันซ่อนเร้นช่วยจำหน่ายช่วยพาไปเสียในทรัพย์ (น้ำมัน) อันของพึงต้องรู้ว่าเป็นของเกี่ยวเนื่องในความผิดดังกล่าว เเละ พ.ร.บ.สรรพสามิตฯ ในกรณีร่วมกันบรรทุกของลักลอบหนีศุลกากรหลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อจำกัดร่วมของการขายหรือมีไว้ซึ่งของสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ถูกต้อง ดังนั้นข้อกล่าวหาจะมีทั้ง พ.ร.บ.ศุลกากรฯ เเละ พ.ร.บ.สรรพสามิต เท่าที่ทราบจากพนักงานสอบสวนคือหลังจากเเจ้งข้อกล่าวหามีการประกันตัวไป 28 คนเเละให้ไปเฝ้าอยู่ในเรือดังกล่าว
โดยข้อกล่าวหาดังกล่าวมีอัตราโทษสูงเเละมีเรื่องค่าปรับจำนวนมาก จากจำนวนราคาที่นับจากปริมาณน้ำมันเป็นหลายเท่าตัว เรื่องที่ให้ประกันเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน ปอศ.เพราะตอนนั้นอัยการยังไม่เข้าไปร่วมสอบสวน
ทั้งนี้ เมื่อพนักงานสอบสวนส่งมาว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรฯหรือไม่ พนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการส่งคำให้การมาให้พนักงานอัยการบางส่วน เพื่อส่งให้อสส.พิจารณาว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ เเละเมื่อเป็นคดีนอกราชอาณาจักรเเล้วเป็นอำนาจอัยการสูงสุดโดยตรงตาม ป.วิอาญามาตรา 20 ซึ่ง อสส.สามารถให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนฝ่ายเดียวก็ได้ เเต่เรื่องนี้อสส.เห็นว่าเป็นคดีสำคัญเลยมอบหมายอัยการสำนักงานการสอบสวนเข้าไปร่วมสอบสวน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีชื่อของ เสี่ยโจ้ ปัตตานีเข้ามาเกี่ยวคดีนี้ด้วยหรือไม่นั้น ในเบื้องต้นที่พนักงานสอบสวนทำมายังไม่มีชื่อนี้ปรากฏ มีเเต่ชื่อนายเล็ก ก็ต้องดูว่าการสืบสวนสอบสวนหลังจากนี้ เพราะตอนนี้เป็นการเริ่มต้นเข้าไปร่วมสอบสวน ซึ่งอำนาจการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหาเป็นอำนาจของ อสส.เพียงเเต่ผู้เดียว
"ส่วนชื่อเสี่ยโจ้ปัตตานี ตนทราบชื่อนี้เพราะเคยไปร่วมสอบสวนในคดีนอกราชอาณาจักรเหตุเกิดที่จังหวัดสงขลา ตอนนั้นสำนักงานตำรวจเเห่งชาติตั้งเป็นคณะทำงานชุดใหญ่มีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมานานมาก เรื่องดังกล่าว ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อสส.(ขณะนั้น) ตั้งเป็นคดีนอกราชอาณาจักร โดยตนเป็นอัยการร่วมสอบเเละสั่งฟ้อง เสี่ยโจ้ ปัตตานีไปเเล้ว เพียงเเต่ขณะนั้นไม่ได้ตัวผู้ต้องหามายื่นฟ้องเนื่องจากหลบหนี จึงยังไม่สามารถฟ้องคดีได้ ซึ่งข้อหาในคดีที่ จ.สงขลาก็คล้ายๆกับคดีนี้"นายวัชรินทร์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี