บุกจับเหมืองบิทคอยน์ ยึดเครื่องขุดอื้อ ลักใช้ไฟหลวง เสียหายเดือนละ 10 ล้าน

บุกจับเหมืองบิทคอยน์ ยึดเครื่องขุดอื้อ ลักใช้ไฟหลวง เสียหายเดือนละ 10 ล้าน

วันอังคาร ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2567, 20.35 น.

ไฟฟ้าภูมิภาคราชบุรี ร่วมตำรวจ สภ.โพธาราม นำหมายศาลบุกค้นโรงงานเหมืองบิตคอยน์ 700 เครื่อง ภายในนิคมอุตสาหกรรมราชบุรี พบลักใช้ไฟหลวงเสียหายเดือนละ 10 ล้านบาท ยึดเครื่องขุด 59 เครื่อง ส่วนที่เหลือเจ้าของไหวตัวทันย่องเคลื่อนย้ายไปก่อนหน้านี้

วันที่ 25 มิถุนายน 2567 พันตำรวจเอกชัชชน นราวุฒิพร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโพธาราม นายสุรวุฒิ น้อยนิมิต ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วย นายวินัย ยุงทอง ผู้จัดการไฟฟ้า อ.โพธาราม และ กองบริการลูกค้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 (ภาคใต้) จังหวัดเพชรบุรี นำหมายศาลจังหวัดราชบุรี ที่ ค 318/2567 ลงวันที่ 25 เดือน มิถุนายน 2567 ความอาญา เข้าตรวจค้น บริษัท ไมเนอร์ ยูเนี่ยน จำกัด บ้านเลขที่ 144/113 หมู่ที่ 4 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อพบและยึดสิ่งของ เครื่องชุดเหรียญบิทคอยน์ และ อุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งจะเป็นพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาความอาญา ซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือได้ใช้ หรือตั้งใจจะใช้ในการกระทำความผิด หลังพบความผิดปกติภายในบริษัทดังกล่าวมีการใช้ไฟฟ้าที่ไม่ตรงตามข้อมูล และ การจดขอใช้ไฟฟ้า


โดยเจ้าหน้าที่พบนายวีระพล กัตติยะ อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดเลยเป็นผู้ดูแลภายในบริษัทดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงและอ่านอ่านหมายศาล จากนั้นได้นำกำลังเข้าไปตรวจคนภายในโรงงานดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดประตูเข้าไปดูถึงกับผงะ เมื่อภายในเปิดเป็นเหมืองเหรียญบิทคอยน์ และ อุปกรณ์ต่อพ่วง มีการต่อแบ่งเป็นห้องๆ และยัง พบเครื่องขุดบิตคอยน์ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้เป็นเซฟเวอร์สำหรับเหมืองสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) แบบ Cloud Mining และด้านหลังของโรงงานยังมีการนำตู้คอนเทนเนอร์มาทำเป็นเหมืองบิคอคอยอีก 3 ตู้ ด้วยกัน รวมแล้วติดตั้งไว้กว่า 700 เครื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเครื่องได้เพียงแค่ 59 เครื่องเท่านั้น ส่วนที่เหลือ พบล่องรอยการเคลื่อยย้าย เครื่องขุดบิตคอยน์ เซฟเวอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง นอกจากนี้ยังตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่บริเวณโดยรอบพบว่ามีการถอดเมมโมรี่การ์ด และ เครื่องเซฟเวอร์กล้องวงจรปิดหายไปด้วย

จากการสอบถาม พันตำรวจเอกชัชชน นราวุฒิพร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโพธาราม และ นายวินัย ยุงทอง ผู้จัดการไฟฟ้า อ.โพธาราม ทราบว่า ทางไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอโพธาราม ได้รับแจ้งจาก กองบริการลูกค้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 (ภาคใต้) จังหวัดเพชรบุรี ว่ามีการตรวจพบจากระบบการจ่ายไฟฟ้าที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมราชบุรี ในลักษณะของไฟฟ้าที่มีแรงดันไม่สม่ำเสมอ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบจนพบว่าที่บริเวณหน้าโรงงานดังกล่าวมีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ จึงได้ทำการตรวจสอบจนพบว่าโรงงานแห่งนี้มีการใช้ไฟฟ้าที่ไม่ตรงตามที่ขอใช้ไฟฟ้า และยังสืบทราบว่ามีการเปิดเป็นเหมืองเหรียญบิทคอยน์ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอหมายศาลจังหวัดราชบุรี พร้อมนำกำลังเข้าตรวจคนจนพบว่า ภายในโรงงานแห่งนี้ จดในนามชื่อ บริษัท ไมเนอร์ ยูเนี่ยน จำกัด ได้เปิดเป็นเหมืองเหรียญบิทคอยน์ขนาดใหญ่ มีการตั้งเครื่องขุดบิดคอยน์ ทั้งภายในอาคาร และ มีการตั้งเป็นตู้คอนเทนเนอร์อีก 3 ตู้ แต่เนื่องจากข่าวหลุดเล็ดรอดออกไป ทำให้มีการขนย้ายเครื่องไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งพบล่องลอยของรุยนต์ และการรื้อถอนเครื่องออกไป เหลือไว้เพียงแค่ 59 เครื่องเท่านั้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ทำการอายัดเครื่องไว้ทั้งหมดและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม เพื่อทำการส่งกองพิสูจน์หลักฐานในการตรวจสอบกำลังไฟฟ้าที่ใช้แต่ระเครื่องว่ามีกำลังวัตเท่าไหร่เพื่อตรวจสอบถึงมูลค่าความเสียหายทั้งหมด พร้อมทั้งตรวจพบว่ามีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ให้ไฟฟ้าผ่านมิเตอร์ไม่เต็มตามกระแสไฟฟ้าที่ใช้จริง และยังพบว่าเครื่องขุดบิตคอยน์นี้ราคาเครื่องละหลักแสนบาท โดยยึดไว้จำนวน 59 เครื่อง รวมมูลค่าประมาณ 5.9 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในข้อหาการลักใช้ไฟหลวง หรือ ข้อหาลักทรัพย์ต่อไป ส่วนมูลค่าเบื้องต้นพบลักใช้ไฟหลวงเสียหายเดือนละ 10 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ทางไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยังฝากแจ้งเตือนประชาชน หรือ ผู้ประกอบการในลักษณะนี้ การประกอบการเหมืองบิดคอยไม่ผิดกฎหมายก็จริง แต่การที่ลักใช้ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ผิด หากกระทำความผิดในการลักใช้ไฟฟ้า ในระบบจะมีการตรวจสอบของอุปกรณ์แบบออนไลน์ ซึ่งสามารถตรวจเช็คได้ตลอดเวลา

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ สืบเนื่องจากชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 สืบสวนเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 (ภาคใต้) จังหวัดเพชรบุรี พบว่ามีการหลอกลวงลงทุน ซื้อหรือเช่ากำลังขุดเหมืองสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) แบบ Cloud Mining สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ดังนี้ Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิทัล คือ สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีการเข้ารหัส ใช้โค้ดคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าผ่านอินเทอร์เน็ต มีราคากลางในการซื้อขายแปรผันตามกลไกตลาด ซึ่งในปัจจุบันได้เข้ามามีบทบาทเป็นกระแส และเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนหน้าใหม่ที่ต่างเข้ามาเก็งเพื่อกำไรในตลาด แต่ก็เป็นหนึ่งในแผนประทุษกรรมที่มิจฉาชีพฉวยโอกาสหาช่องว่างในการหลอกลวงผู้เสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงชักชวนให้เข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจการขุดเหมืองสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) หรือการเช่าหรือซื้อกำลังขุดสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ เช่น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Tether (USDT), Binance Coin (BNB), Dogecoin (DOGE) มีการชักชวนซื้อขายเครื่องขุดบิตคอยน์ในลักษณะที่ต่ำกว่าราคาท้องตลาด น่าสงสัย และมีการรับฝากวางเครื่องขุดดังกล่าว โดยเก็บค่าดูแลและค่าไฟฟ้าต่ำกว่าความเป็นจริง และอาจจะมีการลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย

โดยชุดสืบสวนแกะรอยจนทราบว่ามีการซื้อขายเครื่องขุดบิตคอยน์ ลักษณะเป็นโกดัง 2 อาคาร เลขที่ 207 หมู่9 ต.ดอนตะโก อ.เมือง จ.ราชบุรี จากการตรวจสอบพบว่ามีการใช้ไฟฟ้าอย่างผิดปกติและตรวจค้นพบเครื่องขุดบิตคอยน์ ประกอบในลักษณะเป็นเหมืองขุด จำนวน 465 เครื่อง และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า พบว่ามีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ทำให้กระแสไฟฟ้าผิดปกติจริง จึงได้ตรวจยึดเครื่องขุดดังกล่าว ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการไปแล้ว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top