‘เรือดำนา’อืด!
ส่อจบไม่ทันผบ.ทร.เกษียณ
‘สุทิน’ย้ำช้าๆได้พร้าเล่มงาม
โครงการ “เรือดำน้ำ” ส่อแววจบไม่ทันยุค ผบ.ทร.คนปัจจุบัน หลังหลายฝ่ายมีความกังวลเรื่องข้อกฎหมาย “สุทิน”ย้ำช้าแต่ ได้พร้าเล่มงาม ไม่อยากเสียบางโอกาส ยก‘อู่กรุงเทพ’รัฐวิสาหกิจ กห.แถวหน้า อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ต่อเรือใหญ่‘รล.กระบี่-รล.ประจวบฯ’ สนับสนุนการรักษาความมั่นคงของประเทศ
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้า โครงการเรือดำน้ำที่ยังอยู่ระหว่างการดูข้อกฎหมายของนายกรัฐมนตรีจะเสร็จทันนำเข้า ครม.ก่อนที่ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) จะเกษียณราชการในวันที่30 ก.ย.นี้ หรือไม่ว่าพยายามจะทำให้เร็วที่สุด ไม่ได้กับยึดโยงกับเรื่องเกษียณฯถ้าเร็วได้ ไม่เสียหาย ได้เป้าหมายสมบูรณ์ ก็จะพยายามทำ แต่ถ้าเร็วแล้วเสียโอกาสไปบางโอกาส แทนที่จะช้าสักนิดหนึ่ง แล้วได้พร้าเล่มงาม เราก็จะเอาช้า
เมื่อถามว่า มีความกังวลในข้อกฎหมายเรื่องใดบ้าง ถึงใช้ระยะเวลาพิจารณานาน นายสุทินกล่าวว่า ยังไม่ทราบข้อกังวลนั้น ไม่ได้มีเพียงนายกฯ ซึ่งหลายคนก็กังวลด้วย เพราะเรื่องเรือดำน้ำมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องเยอะ ต้องดูให้รอบคอบ เมื่อถามว่าจะลากยาวไป ผบ.ทร.คนใหม่ หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า“ไม่แน่ โดยใจของผมอยากทำให้เร็วที่สุด” เมื่อถามอีกว่าจะจบในยุค พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. คนปัจจุบันหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า “ก็ไม่แน่ แต่จะพยายามทำให้จบในยุคท่าน”
เมื่อถามว่าข้อกฎหมายที่นายกฯ กังวลคือเรื่องใด ที่ยังติดขัดอยู่ นายสุทิน กล่าวว่า เขาไปตีความมาเยอะ ว่าเป็นหรือไม่เป็นสาระสำคัญ การเปลี่ยนแปลงสเปกต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน นายสุทิน ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมบริษัทอู่กรุงเทพฯ รัฐวิสาหกิจในความควบคุมกองทัพเรือ สังกัดกระทรวงกลาโหมโดยมี พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม พล.อ.อ.สุรพล พุทธมนต์ และ นายจำนงค์ ไชยมงคล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ รมว. กลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม พล.อ.หม่อมหลวงสุปรีดี ประวิตร หัวหน้าสำนักงาน รมว.กลาโหม ร่วมคณะโดยมี พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสนาธิการทหารเรือ, ประธานกรรมการกรรมการผู้จัดการ และผู้บริหาร และพนักงานบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด ต้อนรับ
นายสุทิน กล่าวว่า บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด เป็นรัฐวิสาหกิจเพียงหนึ่งเดียวในสังกัดกระทรวงกลาโหม จากการรับฟังประวัติความเป็นมา และผลงานของบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด ซึ่งมีการบริหารกิจการโดยกองทัพเรือ และมีการดำเนินธุรกิจการต่อเรือ และซ่อมเรือมาอย่างยาวนาน เห็นได้จากผลงานเชิงประจักษ์ในการต่อเรือ และซ่อมเรือให้แก่กองทัพเรือ และหน่วยงานด้านความมั่นคงอื่นๆ รวมทั้งหน่วยงานภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนภารกิจในการรักษาอธิปไตย และความมั่นคงทางทะเลของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง
โดยอุตสาหกรรมการต่อเรือรบของบริษัทฯ นับว่าเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ตามนโยบาย ของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษที่ 11 และเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม ที่ส่งเสริมให้เกิดการเอื้ออำนวยต่อการดำเนินกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของภาคเอกชนสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี ด้านความมั่นคงและด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
“ขอให้บริษัทฯ ดำรงศักยภาพ และขีดความสามารถ รวมทั้งคุณภาพของผลงานให้มีความพร้อมในการสนับสนุนกองทัพเรือ และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ โดยกำหนดบทบาทหน้าที่ระหว่างบริษัทฯ กับกองทัพเรือในการสนับสนุนภารกิจรักษาความมั่นคงทางทะเลให้ชัดเจน รวมทั้งกำหนดทิศทาง และแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ของประเทศ สถานการณ์ด้านความมั่นคง ทั้งประเทศรอบบ้าน รวมไปถึงสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพื่อให้บริษัทฯสามารถพึ่งพาตนเอง ได้อย่างยั่งยืน เป็นหลักประกันด้านความมั่นคง และเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเรือ และซ่อมเรือของประเทศได้ ตามที่ได้กำหนดเป้าหมายไว้” รมว.กลาโหม กล่าว
นายสุทิน กล่าวภายหลังเดินทางมาตรวจเยี่ยมว่า บริษัทอู่กรุงเทพฯ เป็นรัฐวิสาหกิจ ในกระทรวงกลาโหม จะมาเยี่ยมชม และมาติดตามความคืบหน้าเสถียรภาพทางธุรกิจ รวมไปจนถึงสถานะทางการเงิน การวางแผนใน ปัจจุบัน และอนาคต เพราะขณะที่เรากำลังจะผลักดันส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ บริษัทอู่กรุงเทพฯเป็นองค์กรที่จะสนองนโยบายได้ดีที่สุดที่หนึ่ง หากมีอะไรที่จะสนับสนุนส่งเสริมสร้างความแข็งแรงขึ้นมา เพื่อที่จะรองรับนโยบายตรงนั้นได้
นายสุทิน กล่าวต่อว่า บริษัทอู่กรุงเทพฯ ภารกิจเดิม คือการสร้าง ต่อเรือ ซ่อมเรือ ซึ่งต่อไปนี้กองทัพ จะมีเรื่องนี้เข้ามามาก เพราะฉะนั้น ต้องเตรียมการให้บริษัทของเรามีความพร้อม สร้างความแข็งแรงรองรับงานเหล่านี้ ส่วนมาตรฐานเทียบเท่ากับต่างประเทศได้หรือไม่นั้น ตนเชื่อว่าประสบการณ์ที่ยาวนาน ความรู้ความเชี่ยวชาญมี แต่ในเรื่องของกำลังคน ทุน อาจจะเติมได้และบริษัทอู่กรุงเทพฯ แม้จะมีคนไม่มากพอ ที่จะรับงานขนาดใหญ่ เช่นเรือฟริเกต แต่สามารถใช้วิธีร่วมลงทุนกับภาคส่วนอื่นได้
ทั้งนี้ ทางบริษัทอู่ กรุงเทพฯ ได้สะท้อนปัญหาหลายประการ ขอได้รับการสนับสนุนและโอกาส ในการที่จะได้งานของกระทรวงกลาโหม หรือ หน่วยงานรัฐ เพราะที่ผ่านมา ปล่อยให้ดำเนินการเข้าแข่งขันเสรีในทุกอย่าง บางครั้งอาจจะมีข้อจำกัดสู้เอกชนไม่ได้ ทำให้บริษัทเสียโอกาสไปมาก ทั้งนี้หากกระทรวงกลาโหม มีมาตรการการบริหารที่ช่วยให้ทางบริษัทมีความแข็งแรงสู้เอกชนได้ด้วย ก็อยากให้แก้ปัญหาตรงนี้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องขาดสภาพคล่อง รายรับไม่พอรายจ่าย หากกระทรวงกลาโหม อนุมัติได้ดำเนินการหาทุน ตามแนวทางที่ทำได้
นายสุทินกล่าวย้ำอีกว่า แม้บริษัทอู่กรุงเทพฯ จะอยู่ในสังกัดกระทรวงกลาโหม แต่ได้งานของ หน่วยงานรัฐและกองทัพไม่มากนัก ในส่วนของการซ่อมเรือเอกชนก็มีบ้าง เหตุเพราะ สภาพคล่องต่ำลง ก็อ่อนแอ สู้งานเอกชนลำบาก เพราะฉะนั้นการทำให้ บริษัทอู่กรุงเทพฯ แข็งแรงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกในทุกๆด้าน จะสามารถไปหางานต่อสู้กับทุกที่ได้กลับมาฟื้นตัวได้
“บริษัทอู่ กรุงเทพฯไม่ได้มีสิทธิพิเศษ ต้องแข่งขันเสรีเช่นเดียวกับบริษัทอื่น ส่วนแนวทางแก้ปัญหา ปฏิรูปองค์กรใหม่ ส่วนกระทรวงกลาโหม จะหาทางช่วยเหลือภายใต้ระเบียบกฎหมายที่ทำได้ เพื่อให้ได้งาน” นายสุทิน กล่าวพร้อมเชื่อมั่นว่า แม้บริษัทอู่กรุงเทพฯ จะมีปัญหาสภาพคล่อง แต่เชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อนโยบายการผลักดันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศซึ่งในส่วนของตนก็จะเข้าไปดูแลเพื่อให้สามารถต่อสู้กับภาคเอกชนได้ ในขณะเดียวกันตนก็ต้องไปสนับสนุน บริษัทของเอกชนด้วยเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี