นายกสภาทนายความเจรจาผู้จัดการกองทุนวินาศภัย ติดตามเงินประกันให้ประชาชนที่ป่วยโควิด

นายกสภาทนายความเจรจาผู้จัดการกองทุนวินาศภัย ติดตามเงินประกันให้ประชาชนที่ป่วยโควิด

วันอังคาร ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2567, 15.09 น.

นายกสภาทนายความเจรจาผู้จัดการกองทุนวินาศภัย ติดตามเงินประกันให้ประชาชนที่ป่วยโควิด เผยติดปัญหาใหญ่กองทุนไม่มีเงินชำระหนี้ร่วมแสนล้าน บริษัทประกันล้ม ทั้งแบงก์งดปล่อยกู้อีก

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่ห้องประชุมกองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) ถ.วิภาวดีรังสิต ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความพร้อมด้วย ดร.วิเชียร รุจิธำรงกุล ผู้ประสานงานผู้เสียหายตามสัญญาประกันภัย เข้าพบ นายชนะพล มหาวงษ์ ผจก.กองทุนวินาศภัย เพื่อติดตามการใช้สิทธิเรียกร้องของผู้เอาประกันภัย และเป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยโควิด-19


ดร.วิเชียร กล่าวว่า เนื่องจากประชาชนที่ได้รับความเสียหายได้ร้องเรียนกับสภาทนายความโดยแบ่งเป็น2กลุ่ม คือกลุ่มประชาชนที่เป็นเจ้าหนี้ของบริษัทประกันภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตไปก่อนหน้านี้ รวม 4 บริษัทประมาณ 5 แสนราย มูลหนี้ค้างประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นเจ้าหนี้บริษัทสินมั่นคงประกันภัย ประมาณ 5 แสนราย มูลหนี้ประมาณ 4.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะประชาชนร้องเรียน ยังไม่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต แต่มาถึงวันนี้บริษัทสินมั่นคงประกันภัยได้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้วโดยคำสั่งกระทรวงการคลังและคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ.แต่งตั้งกองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) เป็นผู้ชำระบัญชี ในวันที่ 9 กรกฎาคม 67 ซึ่งมีผลให้กองทุนประกันวินาศภัยจะต้องเข้ามาเป็นผู้ชำระบัญชีบริษัทสินมั่นคงประกันภัย เช่นเดียวกับบริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตไปก่อนหน้านี้ รวมจำนวนเจ้าหนี้ที่กองทุนฯ จะต้องชำระ ทั้ง 2 กลุ่มรวมประมาณ 1 ล้านรายเศษ ยอดหนี้ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเฉพาะในส่วนของบริษัทสินมั่นคงฯจากการตรวจสอบเบื้องต้น มีทรัพย์สินเป็นอาคารที่ดินและรถยนต์ตลอดถึงอุปกรณ์สำนักงานที่สามารถนำมาจำหน่ายเพื่อนำเงินบางส่วนได้จำนวน 3,000 ล้านบาทเท่านั้น ยังไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ ซึ่งกองทุนฯต้องพยายามหาเงินจากช่องทางต่างๆ ตามกฎหมายประกันวินาศภัยเปิดช่องให้ทำได้คือ ขอรับเงินสนับสนุนจากรัฐ ซึ่งเคยขอไปแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ รวมทั้งขอขึ้นเงินสมทบจากบริษัทประกันวินาศภัย ปัจจุบันมีการขึ้นเงินสมทบจากบริษัทประกันวินาศภัย 1 เท่าตัวแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ และจากช่องทางการกู้ยืม ปัจจุบันไม่มีธนาคารใดให้กู้เนื่องจากกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน รวมทั้งกรณีมีแนวความคิดจาก คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ.จะขอความร่วมมือจากบริษัทประกันวินาศภัยอื่นๆที่เหลือให้รวมตัวกันปล่อยกู้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยกองทุนฯ (กปว.) จะออกพันธบัตรกู้ยืม  แต่หากทำทุกช่องทางแล้วยังไม่สามารถรวบรวมเงินได้ครบตามยอดหนี้จำนวนมาก อาจจะต้องใช้วิธีการประนอมหนี้ร่วมด้วย

สำหรับการประนอมหนี้กองทุนฯ (กปว.) มีความกังวลในข้อกฎหมายว่ากองทุนฯอาจไม่สามารถขอลดยอดหนี้ได้ตามข้อกฎหมายประกันภัย แต่ในทางกลับกันหากเป็นการเจรจายอมลดยอดให้ โดยความยินยอมของเจ้าหนี้หรือตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ น่าจะสามารถทำได้ และทำให้เจ้าหนี้สามารถได้รับชำระหนี้ได้ไม่ต้องรอนานหลายสิบปี

ด้าน นายชนะพล มหาวงษ์ กล่าวว่า วันนี้สภาทนายความมาหารือเบื้องต้น เพื่อหาทางออกให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ปัญหาของกองทุนฯคือ รับเรื่องของบริษัทประกัน 4 แห่ง มีหนี้ค้างรวม 6 - 7 แสนล้านบาท ยังจ่ายไม่หมด เพราะเงินไม่พอ เรามีกำลังจ่ายปีละ 1,200 ล้านบาท ใช้เวลาจ่าย 40 ปี กำลังจะมีปัญหาของบริษัทสินมั่งคงฯ เข้ามาอีก 1 แห่ง มีเจ้าหนี้ทั้งเก่าและใหม่เกือบ 2 ล้านราย รอรับเงินจำนวน 4 - 5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังมีหนี้ อีก 7 หมื่นล้านบาท ดังนั้น สมมติว่าผู้เอาประกันอายุ 50 ปี จะได้รับเงินตามกรมธรรม์ เมื่ออายุ 130 ปี ใจจริงเราควรจ่ายให้เสร็จใน 2 ปี ยังมีกรมธรรม์ที่ยังเดินอยู่ (คุ้มครองอยู่) แต่บริษัทล้มละลาย ถูกถอนใบอนุญาตไปแล้ว เราจะบอกเลิกสัญญาให้หมดภายในวันที่ 9 กันยายนนี้

"ปัญหาติดตรงที่เงิน ถ้ามีเงินผมจะจ่ายให้หมด เราเข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน แต่ประเด็นคือเงินไม่มีและติดขัดข้อกฎหมายบางประการ กับนโยบายรัฐ ขอให้สภาทนายความเป็นคนกลางใช้กลไกไปเจรจากับรัฐบาล กระทรวงการคลังเพื่อขอนโยบาย และหาทางออกที่เหมาะสม ให้กับลูกหนี้" นายชนะพล กล่าว

ดร.วิเชียร กล่าวอีกว่า จะรับไปเจรจากับนายกรัฐมนตรี รมว.คลัง หาทางแก้ปัญหาให้ลงตัว และเป็นคนกลางเจรจากับผู้เอาประกันภัยโควิด-19 อีกครั้ง ว่าจะพอใจรับเงินสินไหมรายละเท่าใด

ส่วน น.ส.วิศิษฐ์ สิริปิไทสงค์ และ น.ส.ชญาภา จันทรลาเวียง ตัวแทนประชาชนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เราไม่เชื่อมั่นกับระบบประกันภัย เรามีความหวังกับการเรียกร้องครั้งนี้ และอาจต้องใช้สิทธิทางศาล และอยากให้รัฐบาลลงมาดูแลตรงนี้ด้วย

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top