มทภ.4 ย้ำเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้วยความระมัดระวังตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก ยึดหลักสิทธิมนุษยชน 

จากกรณีเจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมาย ในพื้นที่บ้านคลองช้าง ม.4 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 27 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ด่วน! ปัตตานีวุ่น เจรจาไม่เป็นผล คนร้ายปาระเบิด-ยิงใส่เจ้าหน้าที่ สาหัส 1 เจ็บ 2)

ล่าสุด พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่บ้านคลองช้าง ตำบลนาเกตุ อำเภอโคกโพธิ์  จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามสถานการณ์กรณีบังคับใช้กฎหมาย หลังเกิดเหตุผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ติดในวงล้อมเจ้าหน้าที่ ได้ขว้างระเบิดและเปิดฉากการยิงใส่เจ้าหน้าที่ เพื่อพยายามหลบหนีช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ประกอบด้วย กำลังพลจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมปัตตานี จำนวน 2 นาย คือ ร้อยโท ธวัชชัย สุวรรณรัตน์ และ จ่าสิบเอกธนศักดิ์ บัวขาว อีก 1 นาย คือ อาสาสมัครทหารพราน ณัฐพงศ์ ไชยวรรณ สังกัด หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ปัจจุบันผู้บาดเจ็บทั้งหมดเข้ารับการรักษา และอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์พยาบาลอย่างใกล้ชิด ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังอยู่ในระหว่างการควบคุมพื้นที่ดังกล่าว ห้ามบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าในพื้นที่เด็ดขาด

พล.ท.ศานติ ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการตอบโต้ สร้างเหตุก่อกวนจากฝ่ายตรงข้าม และทุกภาคส่วนบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างรัดกุม เน้นผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำศาสนาในพื้นที่เข้าร่วมเจรจาหวังให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามอบตัว ย้ำให้ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักตามแนวทางสันติวิธี ให้ปฏิบัติด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน

ขณะเดียวกันเพจสมาชิกกลุ่มขบวนการในพื้นที่มีการโพสต์ ข้อความเหตุการณ์ดังกล่าวมีสมาชิกขบวนการเสียชีวิต จำนวน 3 ราย คือ ต่วนอาดีล ต่วนฮูเซน อิสมาแอล  อะหมัด และ รอบี อะหมัด

ทางด้าน พ.อ.เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.ยืนยันไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ในขณะเดียวกัน มองว่าเป็นแนวทางที่เขาดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ในส่วนของภาครัฐ หรือเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ก็ยังคงต้องดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมาย

สำหรับเรื่องเสียชีวิตหรือไม่นั้น ยังต้องรอกระบวนการการดำเนินการของหน่วยปฏิบัติ แต่ก็เป็นไปได้ว่า เขาสามารถติดต่อกับบุคคลภายนอกได้ อาจจะมีการแจ้งข่าวสารให้ทราบหรืออีกอย่างหนึ่งที่ทำเป็นประจำก็คือ เมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถที่จะฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ได้แล้ว ฝ่ายการเมืองของเขา หรือเพจของเขาจะสดุดีวีรกรรมไว้ก่อน เพื่อให้คนเหล่านั้นเกิดการอึดสู้ต่อเจ้าหน้าที่เผื่อเป็นแรงจูงใจในการซาฮีด และชี้นำให้นำไปสู่การต่อต้านการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ หลังจากนี้ก็จะเป็นกระบวนการของการปลุกระดมมวลชนในพื้นที่และกดดันญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตไม่ให้อาบน้ำศพและแห่ศพไปฝัง หรือเกิดกรณีการแย่งศพ ก่อนนำไปชันสูตร แบบที่เขาเคยพยายามทำก่อนหน้านี้