นครพนมน้ำโขงเหลือแค่ 2 เมตรถึงจุดวิกฤติล้นตลิ่ง ชลประทานเร่งระบายลำน้ำก่ำ เฝ้าระวัง ลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม เกินความจุล้นเอ่อท่วมนาข้าวแล้วนับหมื่นไร่ 

วันที่ 24 สิงหาคม 2567 สถานการณ์ระดับน้ำโขงในพื้นที่ จ.นครพนม ล่าสุดยังเพิ่มต่อเนื่องอยู่ที่ระดับ 9.79 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติล้นตลิ่งแค่ 2 เมตรคือที่ 12 เมตร ส่งผลให้ลำน้ำสาขาสายหลัก ได้แก่ ลำน้ำก่ำ ลำน้ำอูน ลำน้ำยาม และลำน้ำสงคราม รวมถึงลำห้วยย่อยมีปริมาณน้ำล้นความจุ ทำให้ไหลระบายลงน้ำโขงช้า บางแห่งเอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตรข้าวนาปี โดยเฉพาะที่นาติดกับลำน้ำอูน ลำน้ำยาม และลำน้ำสงคราม เขต อ.นาหว้า อ.ศรีสงคราม และ อ.นาทม เริ่มได้รับผลกระทบจากลำน้ำสาขาสายหลัก เอ่อล้นท่วมพื้นที่นาข้าวกว่า 10,000 ไร่ เนื่องจากระดับน้ำโขงสูงขึ้น จึงไหลหนุนเข้าลำน้ำดังกล่าว หากมีฝนตกลงมาซ้ำอีก ผลกระทบจะขยายวงกว้างมากขึ้น

นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่ลำน้ำก่ำ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากหนองหาร จ.สกลนคร ไหลผ่านพื้นที่ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ไหลลงสู่ อ.วังยาง อ.นาแก ก่อนที่จะไหลลงสู่น้ำโขงที่ ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม รวมความยาวประมาณ 123 กิโลเมตร มีพื้นที่รับน้ำฝนประมาณ 3,440 ตารางกิโลเมตร ปริมาณน้ำเฉลี่ยรายปีประมาณ 1,400 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยพื้นที่บริเวณสองฝั่งของลำน้ำก่ำส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม และมีราษฎรตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่บริเวณตามเนินตลอดสองฝั่งลำน้ำ ซึ่งอยู่ในเขตสกลนครและนครพนม ซึ่งวิถีชีวิตของชาวบ้านต้องประสบปัญหาน้ำท่วม และภัยแล้งสลับกันเป็นประจำทุกปี โดยในช่วงฤดูฝนยามที่น้ำในแม่น้ำโขงมีระดับสูง พื้นที่เพาะปลูกก็จะถูกน้ำท่วม แต่ครั้นในช่วงฤดูแล้งเมื่อน้ำในแม่น้ำโขงมีระดับต่ำ น้ำในลำน้ำก่ำก็จะไหลลงแม่น้ำโขงเกือบหมด ทำให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและการเกษตร 

ดังนั้น ในช่วงฤดูน้ำหลากน้ำในแม่น้ำโขงสูงก็จะทำให้เริ่มระบายช้า โดยทางชลประทานนครพนม เร่งเปิดประตูระบายน้ำทั้ง 5 จุดเพื่อให้ไหลลงสู่ประตูระบายน้ำก่ำตอนล่างช่วงสุดท้าย บริเวณประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต ที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อระบายลงน้ำโขงให้มากที่สุด และเตรียมพร้อมเพื่อรับมือลำน้ำก่ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่ลุ่มเพิ่ม หากมีฝนตกลงมากระหน่ำซ้ำ ขณะเดียวกันก็จับตามองปริมาณน้ำ ที่ไหลมาจากภาคเหนือ เช่น จ.เชียงราย จ.พะเยา ที่ประสบเหตุอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ โดยใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 วันมวลน้ำจึงจะมาถึง จ.นครพนม - 003