ศาลฎีกานักการเมืองสั่งจำคุก‘สมหญิง บัวบุตร’ อดีตสส.พท. 3 ปี 4 เดือน ปรับ 1 แสน ทุจริตสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียน แต่ลงอาญา พร้อมสั่งจำคุกอดีตเลขาฯ สพฐ 5 ปี แต่ให้รอลงอาญาเนื่องจากอายุมาก
วันที่ 5 กันยายน 67ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.18/2565 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ นางสมหญิง บัวบุตร อดีต สส.อำนาจเจริญ พรรคเพื่อไทย,นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการฯ สพฐ),นายอดุลย์ กองทอง ,ห้างหุ้นส่วนจำกัด จี โอ โอ ดี ,นายอนุชา หรือ นนทชิต วงศ์มณีรัตน์ ,บ.ที วี เอ็น เทคโนโลยี จำกัด ,น.ส.พรเพ็ญ ภิรมย์กิจ ,บ.วายอีอี จำกัด,นายยี พณิชยา ,บ.สปอร์ต แอนด์ เกม จำกัด ,น.ส.เบญจพันธ์ บุญบงการ ,นายพิพัฒน์กาลพัฒน์ เป็นจำเลย ที่ 1-12 ตามลำดับ ในความผิดฐานทุจริตปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณจัดสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียน
คดีนี้ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 65 โจทก์ยื่นฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอำนาจเจริญ เขตเลือกตั้งที่ 1 จำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำเลยที่ 3 ดำรงตำแหน่งผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) อำนาจเจริญ จำเลยที่12 ดำรงตำแหน่ง ผอ.โรงเรียนโนนม่วงโนนจิก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเดือนพฤศจิกายน 54- มกราคม56
จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 เข้าไปพิจารณาคำขอเพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำเลยที่ 1 กำหนดรายชื่อโรงเรียน จัดทำบัญชีคุมยอดรายการแปรญัตติ พ.ศ.2555 (ใบโควตา) เชิญผอ.โรงเรียนให้เข้าร่วมฟังจำเลยที่ 12 ชี้แจงและแจกแผ่นซีดีและตัวอย่างเอกสารการจัดทำโครงการ จำเลยที่ 3 ยอมรับการจัดสรรงบประมาณ โดยไม่ทักท้วง ที่มาของงบประมาณ ไม่วิเคราะห์ความขาดแคลน ความจำเป็นเร่งด่วนของโรงเรียน 12 แห่ง จากนั้นจำเลยที่ 4,6,8 โดยจำเลยที่ 5,7,9 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและกรรมการผู้จัดการยื่นซองประกวดราคาหมุนเวียนเป็น คู่เปรียบเทียบราคากัน อันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม โดยจำเลยที่ 4,6,8 ได้ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารหนังสือจากบริษัทผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายฉบับเดียวกัน จำเลยที่ 9-11
โดยจำเลยที่ 11 แต่งตั้งจำเลยที่ 4,6,8 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทในครั้งเดียวกัน จำเลยที่ 9,11 มีความสัมพันธ์อันถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการรายเดียวกัน จำเลยที่4 ได้เข้าเป็นคู่สัญญากับโรงเรียน 6แห่ง และจำเลยที่6 ได้เข้าเป็นคู่สัญญากับโรงเรียน 3 แห่ง เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จปรากฏว่าแผ่นยางสังเคราะห์บวมโก่งงอ ไม่สามารถต้านแรงลมได้ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ จำเลยที่ 4-11 จึงเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1-3,12 ในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐ กระทำการทุจริตในกระบวนการจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณพ.ศ.2555 (งบแปรญัตติ) และกระทำการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยมีลักษณะมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบสอง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,151,157 พรป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4,7,10,11,13 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และขอให้นับโทษต่อตามฟ้อง
จำเลยทั้งสิบสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 2,5,9,11-12 รับว่าเป็นจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลฎีกาฯวินิจฉัยปัญหาว่า จำเลย 2-3 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา151,157 และพรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 โดยมีจำเลยที่ 1,4-12 ร่วมกระทำความผิดหรือเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดหรือไม่
เห็นว่า จำเลยที่ 2 มีบันทึกข้อความขอเพิ่มงบประมาณจากคำของบประมาณเดิมที่ถูกปรับลด ซึ่งไม่ปรากฏคำขอเพื่อก่อสร้างสนามฟุตซอล ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ อันเป็นขั้นตอนปกติ ส่วนขั้นตอนการพิจารณาจัดสรรงบประมาณของ สพฐ. มีการจัดทำใบโควตา และมีการจัดสรรงบประมาณตามบัญชีรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือพรรคการเมืองจริง หากไม่มีเงื่อนไขดังกล่าว ย่อมต้องจัดสรรงบประมาณตามคำขอเดิมที่ได้วิเคราะห์ความขาดแคลนเป็นอย่างดีแล้ว ไม่มีเหตุที่จะจัดสรรนอกเหนือไปจากคำของบประมาณเดิม
จำเลยที่ 2 แจ้งจัดสรรงบประมาณให้แต่เฉพาะโรงเรียนตามรายชื่อที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแจ้งมาเท่านั้น ทั้งที่โรงเรียนทั้ง 12 แห่งไม่เคยของบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลมาตั้งแต่แรก พฤติการณ์จึงบ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 2 ใช้อำนาจจัดสรรงบประมาณไปตามใบโควตา อันเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขในชั้นกรรมาธิการที่กำหนดให้ต้องใช้ข้อมูลประกอบการจัดสรรงบประมาณจากสภาผู้แทนราษฎรโดยการประสานงานจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้กระทำด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายก่อสร้างสนามฟุตซอล อันเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายแก่ผู้อื่นจากงบประมาณนั้น ย่อมเป็นการกระทำโดยทุจริตและเป็นการดำเนินการไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ สพฐ. และราชการ
ส่วนจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 2 เสนอคำของบประมาณเพิ่มเติมตามคำขอเดิมทั้งหมด จึงฟังไม่ได้ว่าเป็นการเสนอตามความประสงค์ของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 1 มีส่วนร่วมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 เป็นเพียงการพิจารณาในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนขั้นตอนการพิจารณาจัดสรรงบประมาณของ สพฐ. นั้น บัญชีรายละเอียดขอสนับสนุนงบประมาณมีรายชื่อสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเพียงบางราย แสดงให้เห็นว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎผู้ใดที่ไม่ประสงค์จะเกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณก็จะไม่มีรายชื่อในบัญชีดังกล่าว แม้จำเลยที่ 1 เพิ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยแรกได้เพียง 3 เดือนเศษ ก็ไม่มีเหตุผลที่บุคคลอื่นจะอ้างชื่อจำเลยที่1 ขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงเรียนทั้ง 15 แห่ง ล้วนแต่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เลือกตั้งของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น การที่มีรายชื่อจำเลยที่ 1 ปรากฏในบัญชีดังกล่าว จึงเป็นข้อพิรุธให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 เข้าไปเกี่ยวข้องในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณด้วย ทั้งผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องย่อมไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลรวมถึงรายชื่อโรงเรียน
แต่จำเลยที่1 กลับยืนยันว่าเป็นงบประมาณเพื่อก่อสร้างสนามฟุตซอล จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำบัญชีรายละเอียดขอสนับสนุนงบประมาณเพื่อให้มีการดำเนินการตามใบโควตา ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ (งบแปรญัตติ) ของ สพฐ. อันเป็นการเข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้เงินงบประมาณโดยมิชอบ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามมาตรา 151 และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 แต่ความผิดฐานดังกล่าวนั้นขาดอายุความแล้ว
ส่วนจำเลยที่ 3 เพิ่งมาดำรงตำแหงผอ.สพป.อำนาจเจริญ ภายหลังจากโรงเรียนยื่นคำของบประมาณกรณีปกติแล้ว จำเลยที่ 3 จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการเสนอของบประมาณปกติมาแต่แรก ส่วนในชั้นการพิจารณางบประมาณแปรญัตติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการพิจารณาจัดสรรงบประมาณในลักษณะเริ่มต้นจากบนลงล่าง การที่จำเลยที่3 มิได้ทักท้วงจำเลยที่2 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติอันจะส่อพิรุธว่าเป็นการทุจริต ส่วนการพิจารณาอนุมัติจัดสรรงบประมาณ (งบแปรญัตติ) ก็เป็นเรื่องที่จำเลยที่พิจารณาอนุมัติให้เป็นไปตามที่จำเลยที่ 2 แจ้งจัดสรรงบประมาณพร้อมรายชื่อโรงเรียน จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 3 ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ สพฐ. และราชการ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ส่วนจำเลยที่12 ไม่ปรากฏว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเป็นพิเศษกับผอ.โรงเรียนตามฟ้องคนใด อีกทั้งจำเลยที่ 12 ก็รับราชการอยู่ที่จ.อุบราชธานีคนละเขตพื้นที่กัน กรณีจึงไม่มีเหตุต้องให้จำเลยที่ 12 ช่วยดำเนินการในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณ นอกจากนี้ในวันที่จำเลยที่12 ชี้แจงที่ร้านต้นอ้อลาบเป็ดนั้น มีการแจกซองเอกสารสีน้ำตาลซึ่งระบุชื่อโรงเรียนไว้อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่จำเลยที่12 จะเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 12 มีส่วนร่วมหรือกระทำการใดอันเป็นการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะที่มีการกระทำความผิดในส่วนนี้
ส่วนจำเลยที่ 4-11 นั้น ไม่ปรากฏว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณ (งบแปรญัตติ)เพื่อก่อสร้างสนามฟุตซอล แต่อย่างใดเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 2 กระทำความผิด
ปัญหาต่อไปว่า จำเลยที่ 1-12 กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯหรือไม่ เห็นว่า ไม่มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างของโรงเรียนในสังกัด สพป.อำนาจเจริญ จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่1 กระทำความผิดในส่วนนี้
ส่วนจำเลยที่ 2 มีหนังสือแจ้งกรอบวงเงินที่จะจัดสรรเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่2 ไปพบหรือติดต่อกับ ผอ.โรงเรียนในสังกัด สพป.อำนาจเจริญตลอดจนผู้เสนอราคารายใด รวมทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่2 เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในขั้นตอนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของโรงเรียน ทั้งไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่2 มีส่วนร่วมในการจัดทำแผ่นซีดีด้วย จึงรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่2 กระทำความผิดในส่วนนี้
ส่วนจำเลยที่ 3 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลางตามคำสั่งที่ 200/2555 สืบเนื่องมาจากสพฐ. ไม่มีแบบมาตรฐานสนามฟุตซอลและผู้อำนวยการโรงเรียนได้มาหารือกับจำเลยที่ 3 แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 3 มิได้เป็นผู้ริเริ่มให้แต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้นมาเองตั้งแต่แรก การใช้ข้อมูลจากแผ่นซีดีมิได้เกิดจากการบังคับหรือสั่งการของจำเลยที่3 หากแต่เป็นขั้นตอนการปฏิบัติงานภายในของแต่ละโรงเรียนเองทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 มีความเกี่ยวพันเป็นพิเศษกับผู้เสนอราคา จนอาจเป็นมูลเหตุนำไปสู่การชี้นำหรือสั่งการเพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้เสนอราคา อีกทั้งขณะนั้ยังไม่ปรากฏข้อทักท้วงว่า การกำหนดเงื่อนไขรายชื่อหนังสือจะเป็นช่องทางกีดกันบุคคลอื่นมิให้เข้ามาร่วมแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรมได้ ลำพังรายชื่อหนังสือดังกล่าวยังไม่พอ บ่งชี้ว่าเป็นหนังสือที่ไม่สามารถหาได้ทั่วไปในท้องตลาดหรือเจ้าของสิทธิในหนังสือจะเข้ามาเสนอราคาด้วยการกระทำของคณะกรรมการกำหนดราคากลางจึงอาจเป็นเพียงการกระทำตามแบบอย่างที่โรงเรียนอื่นบนพื้นฐานของข้อมูลและข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ในขณะนั้น ซึ่งหากจำเลยที่ 3 รู้ถึงความผิดปกติของการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าว ก็ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยที่3 จะแแต่งตั้งตนเองเป็นประธานคณะกรรมการกำหนดราคากลางทั้ง 2 ชุด ซึ่งทำให้ต้องเสี่ยงต่อการตรวจสอบกล่าวหาในภายหลัง จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่3 กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ ตามฟ้อง
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นตัวการในการกระทำความผิดตามตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ จำเลยที่ 2-12 ไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่1 และจำเลยที่ 1-2,4-12 ไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่3 ตามที่โจทก์ฟ้อง
สำหรับจำเลยที่ 4-11 เห็นว่าเอกสารแนบท้ายประกาศประกวดราคาจ้างกำหนดกำหนดคุณลักษณะเฉพาะให้รวมถึงหนังสือซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการมีหรือใช้สนามฟุตซอล อันเป็นการเอื้อประโยชน์แก่จำเลยที่4,6,8 อย่างเจาะจงมีผลการกีดกันผู้เสนอราคารายอื่นไม่ให้เข้าเสนอราคาอย่างเป็นธรรมเนื่องจากอาจไม่สามารถจัดหาหนังสือเหล่านี้มาได้โดยมีการแต่งตั้งจำเลยที่ 4,6,8 เป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือดังกล่าวในช่วงเวลาที่ใกล้กับการแจ้งจัดสรรงบประมาณของ สพฐ. ส่อให้เห็นว่ามิใช่การประกอบการค้าอย่างปกติ อีกทั้งจำเลยที่ 4,6,8 ต่างก็ใช้เอกสารหนังสือรับรองจากจำเลยที่ 10 และเป็นเอกสารฉบับเดียวกัน โดยเอกสาร ดังกล่าวไม่มีข้อความย่อหน้าสุดท้ายเหมือนกัน ชี้ชัดว่าจำเลยที่ 4,6,8 ร่วมกันจัดเตรียมเอกสารที่ใช้ในการ ยื่นประกวดราคาด้วยกัน และมีการยื่นเอกสารประกวดราคาของจำเลยที่ 4,6,8 รวมทั้งหนังสือมอบอำนาจโดยจำเลยที่ 5 เป็นผู้ว่าจ้างบุคคลกลุ่มเดียวกัน แสดงให้เห็นชัดเจนว่า4-9 คบคิดร่วมกันในการเสนอราคามาตั้งแต่ต้น ส่วนจำเลยที่ 10-11 นั้นแม้จะไม่ได้ยื่นซองประกวดราคาและเข้าร่วมในการเสนอราคา(เคาะราคา) ด้วย แต่จำเลยที่10-11 เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสนอราคาของจำเลยที่ 4,6,8 ด้วย เริ่มตั้งแต่การแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายหนังสือที่ต้องใช้ในการประกวดราคา แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายแผ่นยาง สังเคราะห์อันเป็นวัสดุสำคัญในการก่อสร้างสนามกีฬา การช่วยเหลือจัดหาหลักประกันในการยื่นซองประกวดราคาหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา และหลักประกันผลงาน ทั้งยังได้จัดเตรียมหนังสือรับรองแผ่นยางสังเคราะห์ตลอดจนช่วยเหลือทางการเงินโดยทดลองออกเงินค่าปูพื้นคอนกรีต กับรับโอนสิทธิรับเงินค่าจ้างก่อสร้างบางโรงเรียน ซึ่งเกินเลยไปกว่าการช่วยเหลือตัวแทนจำหน่ายเพื่อส่งเสริมการขายสินค้าตามปกติ ประกอบกับจำเลยที่ 11 ก็อยู่กิน ฉันสามีภริยากับจำเลยที่ 9 และพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกันอีกด้วย พฤติการณ์บ่งชี้ว่าเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ
ส่วนจำเลยที่ 7 ทราบถึงการเข้ามาเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 6 แต่แรกแล้ว ข้ออ้างที่ว่าไม่ได้อ่านเอกสารนั้น ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง
สำหรับจำเลยที่12 ได้เข้าไปมีส่วนสำคัญในการชี้แจงแนวทางการจัดซื้อจัดจ้าง มีการแจกซองเอกสารระบุชื่อโรงเรียนและแผ่นซีดีที่มีข้อมูลการจัดทำเอกสารการจัดซื้อจัดจ้าง อันบ่งชี้ว่ามีการวางแผนตระเตรียมการล่วงหน้าจนนำไปสู่การกำหนดร่างขอบเขตของงานหรือรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะให้มีรายการหนังสือเป็นเงื่อนไขในการประกวดราคา เป็นช่องทางอย่างหนึ่งที่ทำให้มีการกีดกันมิให้บุคคลอื่นเข้ามาร่วมแข่งขันเสนอราคาได้อย่างเท่าเทียมกัน จำเลยที่ 12 มุ่งประสงค์ที่จะให้ผู้อำนวยการโรงเรียนเชื่อถือข้อมูลในแผ่นซีดี ซึ่งคณะกรรมการต่าง ๆ ของโรงเรียนก็ได้ใช้ข้อมูลซึ่งตรงกับในแผ่นซีดี ยิ่งไปกว่านั้น ภายหลังจากทราบว่า หจก. ต. ชนะการประกวดราคา
จำเลยที่12 โทรศัพท์ไปหา ผอ.โรงเรียนในลักษณะแสดงความไม่พอใจ นับว่าผิดปกติวิสัยของ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการร่วมกันเสนอราคาเป็นอย่างยิ่ง จึงแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 12 มีส่วนพยายามกีดกัน ผู้ประกอบการอื่นมิให้สามารถแข่งขันราคากับกลุ่มของจำเลยที่4,6 ได้อย่างเป็นธรรม การกระทำของจำเลยที่12 เป็นการกระทำโดยวิธีการอื่นใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯมาตรา 7แล้ว
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา151(เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา86 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151(เดิม) พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา123/1 จำเลยที่ 4-11 มีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อ หน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา83 จำเลยที่ 12 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7
ลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 3 ปี 4 เดือนปรับ100,000 บาท
จำเลยที่ 2 กระทำความผิดกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา151(เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก5 ปี และปรับ 150,000 บาท จำคุกจำเลยที่5,7,9,11 คนละ 2 ปี และปรับจำเลยที่4,6,8,10 เป็นเงินคนละ 22,467,500 บาท ทางนำสืบของจำเลยที่ 4-11 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุก 5,7,9,11 คนละ 1 ปี 4 เดือน และปรับจำเลยที่ 4,6,8,10 คนละ 14,978,333.33 บาท จำคุกจำเลยที่ 12 มีกำหนด 2 ปี
องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากเห็นว่าพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยแรกได้เพียง 3 เดือนเศษ และไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้รับประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินอย่างใดหลังเกิดเหตุจำเลยที่ 1 นำคณะครูไปยังสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 5 เพื่อแจ้งปัญหาการก่อสร้างสนามฟุตซอลไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการบอกเลิกสัญญาในบางโรงเรียน เป็นการระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหาย
ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ปรากฏว่าได้รับประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน คงกระทำความผิดไปตามเงื่อนไขในชั้นกรรมาธิการว่าจะต้องใช้ข้อมูลรายละเอียดประกอบการจัดสรรงบประมาณจากสภาผู้แทนราษฎรโดยการประสานงานจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจำเลยที่ 2 มุ่งหวังจะให้มีการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย (งบแปรญัตติ) เพิ่มเติมให้แก่หน่วยงานในสังกัดของตนเท่านั้น ต่อมาได้มีการสร้างสนามฟุตซอลเพื่อประโยชน์ของโรงเรียนจริง โดยจำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ประกอบกับจำเลยที่ 2 อายุ 71 ปีเศษ ปฏิบัติหน้าที่ราชการมาเป็นเวลานาน นับว่ามีคุณงามความดีมาก่อน ส่วนจำเลยที่ 7 เป็นเพียงแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็ก พฤติการณ์แห่งคดีเชื่อได้ว่า จำเลยที่7 เข้าร่วมกระทำความผิดเนื่องจากอยู่ภายใต้ความครอบงำของนายจ้าง ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่1,2,7 ได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดคนละ 3 ปี หากจำเลยที่1-2 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30
ส่วนจำเลยที่ 4,6,8,10 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา29 นับโทษจำเลยที่ 5ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 3ในคดีหมายเลขแดงที่ อท.99/2566 และโทษจำคุกของจำเลยที่2 ในคดีหมายเลขแดงที่ อท.159/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4
นับโทษจำเลยที่ 9 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 3 ในคดีหมายเลขแดงที่อท. 100/2566 และโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขแดงที่ อท.160/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4นับโทษจำเลยที่11 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 4ในคดีหมายเลขแดงที่ อท. 100/2566 และโทษจำคุกของจำเลยที่ 4 ในคดีหมายเลขแดงที่อท.161/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4นับโทษจำเลยที่12 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 4 ในคดีหมายเลขแดงที่ อท.99/2566 และโทษจำคุกของจำเลยที่3 ในคดีหมายเลขแดงที่ อท.159/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4
ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 2,5,9,11 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 4,74,76,82 ในคดีหมายเลขดำที่ อม.17/2564 ของศาลนี้นั้น เนื่องจากศาลรอการลงโทษจำคุกในคดีนี้
และคดีหมายเลขดำที่ อม.17/2564 ศาลยังไม่มีคำพิพากษาจึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำขอของโจทก์ในส่วนนี้ ส่วนข้อหาอื่นสำหรับจำเลยที่1,2,4-12 นอกจากนี้ให้ยก และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี