เตือนฝนถล่ม31จว.  ภาคเหนือหนักสุด  พายุ‘ยางิ’อ่อนกำลัง

เตือนฝนถล่ม31จว. ภาคเหนือหนักสุด พายุ‘ยางิ’อ่อนกำลัง

วันอังคาร ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2567, 06.30 น.
Tag :

เตือนฝนถล่ม31จว.

ภาคเหนือหนักสุด

พายุ‘ยางิ’อ่อนกำลัง

แต่ยังส่งผลกระทบ

ไต้ฝุ่น “ยางิ” พัดถล่มเวียดนาม พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ศพ เจ็บเฉียด 300 ราย ด้านกรมอุตุฯ ประกาศพายุ “ยางิ” อ่อนกำลังแต่ยังไม่สิ้นฤทธิ์ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน มีฝนตกหนัก เสี่ยงท่วมฉับพลัน

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 มีรายงานข่าวว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากซูเปอร์ไต้ฝุ่น “ยางิ” (Yagi)ที่ขึ้นฝั่งถล่มพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 24 รายแล้ว และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 300 ราย ก่อนที่พายุไต้ฝุ่นดังกล่าวจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน โดยพายุ “ยางิ” นับเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดของเอเชียในรอบปีนี้จนถึงขณะนี้ โดยทำให้ต้นไม้ใหญ่และเสาไฟฟ้าจำนวนมากหักโค่น


อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านได้ออกมาสำรวจความเสียหายและเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเรือน โดยพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ จังหวัดหล่าวกาย กว่างนิงห์ และไฮฟอง อาคารบ้านเรือนเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ต้นไม้ใหญ่และเสาไฟฟ้าหักโค่นจากพายุที่มีความแรงลมกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นาข้าวกว่า 726,000 ไร่ เสียหายจากพายุและน้ำท่วม ชาวบ้านกว่า 3 ล้านคน ยังไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ เที่ยวบินในประเทศนับร้อยเที่ยวต้องเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง หลังจากสนามบิน 4 แห่งในประเทศเวียดนาม ปิดให้บริการเพราะพายุที่พัดกระหน่ำรุนแรงต่อเนื่อง 15 ชั่วโมง ก่อนจะลดระดับความรุนแรงลงเป็นพายุดีเปรสชั่น ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 8 กันยายน และพัดเข้าประเทศลาว ในช่วงเวลาต่อมา อย่างไรก็ดี ทางการเวียดนาม ยังแจ้งเตือนประชาชน เฝ้าต้องระวังฝนตกหนักและลมกระโชกแรง

ว่าที่ ร.ต.ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง พายุ “ยางิ” ฉบับที่ 22 มีใจความว่า เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 8 กันยายน 2567 พายุดีเปรสชัน “ยางิ” ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ประเทศไทย และอ่าวไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน

ส่วนพยากรณ์อากาศวันที่ 9 กันยายน ภาคเหนือ มีฝนตกหนักมากบางแห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ประเทศไทย และอ่าวไทยตอนบน

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.เลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.กาญจนบุรี และอุทัยธานี ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.จันทบุรี และตราด

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.เพชรบุรี ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ตั้งแต่ จ.ระนอง ขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.พังงา ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่

ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร และนายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ นำคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยใน จ.ชัยนาท และพระนครศรีอยุธยา โดยเดินทางไปยัง สำนักงานชลประทานที่ 12 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากนั้นได้ลงพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่บริเวณประตูระบายน้ำปากคลองบางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา โดยการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ตามศักยภาพของคลองชลประทานในอัตราที่เหมาะสม เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามเกณฑ์ และสามารถรองรับปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่จะเพิ่มขึ้นจากฝนที่ตกในระยะนี้ได้ จึงจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำในอัตราระหว่าง 1,500–1,700 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที ซึ่งการระบายน้ำในอัตราดังกล่าว จะส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ บริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง , คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา , แม่น้ำน้อย บริเวณ ต.หัวเวียง อ.เสนา , ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดน อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 20-50 เซนติเมตร โดยกรมชลประทาน ได้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 11 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา แล้ว

นอกจากนี้ รมว.เกษตรฯ พร้อมคณะ เดินทางไปยังประตูระบายน้ำปากคลองบางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล–บางไทร เพื่อเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณก่อนเข้าตัวเมือง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยซ้ำซากในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา พร้อมทั้งหารือแนวทางเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัย ตลอดจนเร่งผลักดันโครงการต่างๆ ที่สำคัญเพื่อให้การบริหารการจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับพื้นที่เกิดอุทกภัยจากการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา รวม 2 จังหวัด 8 อำเภอ 11,639 ครัวเรือน ได้แก่ จ.พระนครศรีอยุธยา ประกอบด้วย อ.เสนา 7 ตำบล 2,792 ครัวเรือน , อ.ผักไห่ 13 ตำบล 2,582 ครัวเรือน , อ.บางปะอิน 10 ตำบล 1,432 ครัวเรือน , อ.พระนครศรีอยุธยา 11 ตำบล 573 ครัวเรือน , อ.บางบาล 14 ตำบล 1,737 ครัวเรือน , อ.บางไทร 21 ตำบล 2,490 ครัวเรือน และ อ.บางปะหัน 1 ตำบล 24 ครัวเรือน และ จ.อ่างทอง ได้แก่ อ.ป่าโมก 1 ตำบล 9 ครัวเรือน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top