วันเสาร์ ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ศึกบิ๊กสีกากี!!! อดีตผู้การเมืองชลฯยื่นฟ้อง'อดีต ผบช.ภ.2' สั่งสอบวินัยโดยมิชอบ

ศึกบิ๊กสีกากี!!! อดีตผู้การเมืองชลฯยื่นฟ้อง'อดีต ผบช.ภ.2' สั่งสอบวินัยโดยมิชอบ

วันศุกร์ ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 17.01 น.
Tag : ศึกบิ๊กสีกากี อดีตผู้การเมืองชลฯ อดีตผบช.ภ.2
  •  

อดีตผู้การเมืองชลฯยื่นฟ้องอดีต ผบช.ภ.2 สั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยก พ.ร.บ.ตำรวจชี้ไม่มีอำนาจตัังสอบ ระบุปล่อย รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้นเข้าเเทรกเเซงคดีโดยไม่มีอำนาจ ในขณะที่ศาลฯนัดฟังคำสั่งชั้นตรวจฟ้อง 19 พ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ตลิ่งชัน พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน อดีต ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย อดีต ผบช.ภ.2 ในความผิดฐาน   เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นความผิดตาม ป.อาญา ม.157 กรณีกลั่นแกล้งออกคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยต่อ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ โจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย


คำฟ้องโจทก์สรุปว่า ขณะเกิดเหตุ โจทก์ดำรงตำแหน่ง ผบก.ภจ.ชลบุรี  ส่วนจำเลยเป็นผบช.ภ.2 มีอำนาจในการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการตำรวจภายในสังกัด มีพื้นที่รับผิดชอบ 8 จังหวัด ในภาคตะวันออก

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565  มีเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ร่วมกันทำร้ายร่างกายกลุ่มนักท่องเที่ยวหลายรายได้รับบาดเจ็บ โดยมีและใช้อาวุธปืน ใช้อาวุธปืนยิงยางรถยนต์ได้รับความเสียหาย ที่จ.ชลบุรี

หลังเกิดเหตุ โจทก์ในฐานะผู้บังคับการจังหวัด มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสวนสอบสวน โดยมีพันตำรวจเอก ส. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสืบสวนจำนวน 13 นาย โดยมีพันตำรวจเอก ก. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและสื่อมวลชน

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2565 จำเลยในฐานะ ผบช.ภ. 2 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อสืบสวนสอบสวนรวบรวมหลักฐานและขยายผลในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วย พลตำรวจตรี อ. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โจทก์และนายตำรวจอื่นๆรวมทั้งสิ้น 12 นาย ทั้งยังแต่งตั้งพนักงานสืบสวนอีกจำนวน 17 นาย

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ส. รองผบ.ตร. (ในขณะนั้น) ได้รับมอบอำนาจ ผบ.ตร.ให้ลงมากำกับดูแลติดตามคดีด้วยตนเอง แต่ไม่ได้ให้อำนาจ พล.ต.อ. ส.ให้มีอำนาจมอบหมายให้เจ้าพนักงานตำรวจอื่นเข้าทำการสืบสวนสอบสวนหรือ ติดตามคดีแทนได้ แต่พล.ต.อ. ส. กลับมีสั่งการด้วยวาจาให้ พ.ต.อ. ข. ผกก.ตม. จ.ตราด (ในขณะนั้น) และะพวกเข้าร่วมทำการสืบสวนสอบสวนโดยมิชอบ ทั้งที่ตนเองไม่มีอำนาจหน้าที่นั้น อันเป็นความผิดตามมาตรา 171 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561โดยมีเจตนา กลั่นแกล้งเพื่อให้โจทก์ต้องถูกดำเนินคดีและให้ได้รับโทษทางอาญาและทางวินัย (กรณีนี้โจทก์ได้กล่าวโทษแล้วคดีอยู่ระหว่างการดำเนินการของ คณะกรรมการ ป.ป.ช.)

โดยโจทก์ได้กำชับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนให้สอบปากคำผู้เสียหายและพยานซึ่งส่วนมากให้ปรากฏชัดว่าผู้ที่มารับสมอ้างเป็นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน นั้นเป็นผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุจริงหรือไม่ อย่างไร มีใครเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดบ้าง หากพบว่า ผู้ที่มารับสมอ้างเป็นผู้ต้องหาทั้งที่มิใช่ผู้ต้องหาที่แท้จริง จักต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานและข้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย

ต่อมา ในช่วงเวลาบ่ายของวันเดียวกันนั้น มีบุคคลเดินทางเข้ามอบตัวเพิ่มอีก 2 คน รวมเป็น 5 คน คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงมีความจำเป็นต้องนำตัวบุคคคลทั้ง 5 คน ดังกล่าวไปพิสูจน์ทราบตัวบุคคลกับทั้งสืบสวนสอบสวนผู้เสียหาย และพยานในเหตุการณ์และหลังจากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร ได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และเมื่อวันที่  14 พฤศจิกายน 2565 พนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งตำรวจภูธภาค2 ดังกล่าว ได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนโดยไม่มีอำนาจหน้าที่เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.อันเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วย กฎหมาย กรณีนี้โจทก์ได้แจ้งความร้องทุกข์หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน กับพวกรวม 9คน (อยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการ ป.ป.ช.)

จำเลย ซึ่งเป็นผบช.ภ.2 ทราบข้อเท็จจริงตามข้อ 2 เป็นอย่างดี ทั้งยังทราบอีกว่า พล.ต.อ. ส. ขณะดำรงตำแหน่ง รองผบ.ตร.มีอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565มาตรา 64 ประกอบคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดลักษณะงานและการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ จเรตำรวจแห่งชาติ รองผบ.ตร.,ผู้ช่วย ผบ.ตร.และรองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ 9 ) โดยได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นเพียงผู้รับผิดชอบ ควบคุม กำกับ ดูแลงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งของผบ.ตร.ข้างต้นให้ควบคุม กำกับ ดูแลการสืบสวนสอบสวนในคดีอาญา

โดยทราบดีว่า พล.ต.อ.ส. มิใช่หัวหน้าพนักงานสอบสวน ทั้งทราบดีว่า พล.ต.อ.ส. ไม่มีอำนาจแต่งตั้งหรือมอบหมายให้บุคคลใดให้กระทำการแทนได้ อันเกี่ยวกับอำนอำนาจหน้าที่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวนนั้น และทราบดีว่า พ.ต.อ. ข. ,พ.ต.อ. ศ. และ พ.ต.ท. ธ. มิใช่เจ้าพนักงานตำรวจในสังกัด ตำรวจภูธร จ.ชลบุรี มิใช่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ตามคำสั่ง ภ.จว.ชลบุรี เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธร  และมีใช่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 2 ผู้ที่จะมีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนตามกฎหมายในการรรบรวมพยานหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริงในคดีอาญาในท้องที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา กับทั้งไม่ปรากฏว่ามีคำสั่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฉบับใดแต่งตั้งให้พ.ต.อ.ข. ,พ.ต.อ.ศ. และ พ.ต.ท. ธ. กับพวก เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้

การที่พล.ต.อ.ส. ใช้ จ้างวาน ช่วยเหลือ สนับสนุน หรือ มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ข. ,พ ต.อ.ศ.และ พ.ต.ท. ธ. กับพวก เข้าแทรกแชงการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ เป็นการกระทำที่มิชอบและขัดต่อพ.ร.บ.ตํารวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 63(4) 64และ มาตรา 107 มิชอบด้วยมติคณะรัฐมนตรี มิชอบด้วย คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มิชอบด้วย หนังสือ ตร.ด่วนที่สุดเรื่อง การดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ มิชอบด้วยระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จำเลยผู้ดำรงตำแหน่ง ผบช.ภ. 2ทั้งเคยดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในกองบัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ย่อมต้องทราบเป็นอย่างดีว่าการที่ พล.ต.อ. ส. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ. ข. กับพวก ที่ส่วนมากมีตำแหน่งในสังกัด สนง.ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เข้าแทรกแซงการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาในเขตพื้นที่ จ. ชลบุรีเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายแต่ จำเลยกลับช่วยเหลือและให้การสนับสนุน พ.ต.อ. ข. กับพวก เข้าแทรกแซงการสืบสวนสอบสวนในคดีของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนของตำรวจภูธร ภ.2และเมื่อ พ.ต.อ. ข. ได้จัดทำรายงานการสืบสวนรายงานด้วยข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จ จากพยานหลักฐานและด้วยวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมายรายงานเสนอต่อ พล.ต.อ. ส. และ จำเลย รวม 2 ฉบับ  และจำเลยได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวน เพื่อ ดำเนินคดีกับ โจทก์ และรองผบก.ภจ.ชลบุรี

จากนั้น ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ให้โจทก์ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดยขาดจากการ
ปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม จนกว่าจะมีคำสั่เปลี่ยนแปลง 

ต่อมาวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565  จำเลยมีคำสั่งตำรวจภูธรภาค 2 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวน โดยมีเจตนาเพื่อกลั่นแกล้งให้มีการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อโจทก์ ทั้งที่จำเลยไม่มีอำนาจเนื่องจาก ขณะสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนนั้นโจทก์ไม่ใช่ผู้อยู่ในบังคับบัญชาของจำเลย เพราะผู้บัญชากาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติฯให้โจทก์ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม จำเลยจึงไม่อยู่ในฐานะผู้บังคับบัญชาของโจทก์ที่จะมีอำนาจสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงต่อโจทก์ได้ 

การกระทำของจำเลยดังกล่าวนั้น เป็นการกระทำในฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยมีเจตนาที่ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติและ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นอย่างยิ่ง

ศาลอาญาคดีทุจริตฯรับคดีไว้เพื่อตรวจฟ้อง เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 168/2567 /และให้นัดฟังคำสั่งชั้นตรวจฟ้อง ในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.30 น.

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

เสียงปริ่มน้ำ‘วิสุทธิ์’เตือนแรงถึง‘สส.-รมต.’ต้องรับผิดชอบงานสภา ไม่เช่นนั้นไปไม่รอด

‘ศุภชัย’สอนมวย‘เพื่อไทย’ปม‘กัญชา’ ต้องคุ้มครองชาวบ้านให้ได้ปลูก อย่าเอาใจแต่‘นายทุนใหญ่’

ปิดประตูตีมาร! หยุดอนุญาตธุรกิจรักษ์โลกจอมปลอม ปูพรม ฟาดรีไซเคิล EEC เถื่อน

ควันหลงสภาล่ม!‘สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล’เหน็บจุกๆจะไหวหรือ?

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved