จากประตูระบายน้ำ “คลองลัดโพธิ์” สู่สะพาน “ภูมิพล 1 และ 2” อันเนื่องมาจากพระราชดำริแก้ปัญหาน้ำท่วมรถติดอย่างยั่งยืน
นายชุติมันต์ สกุลพราหมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 11 กรมชลประทาน เปิดเผยระหว่างการต้อนรับ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมด้วย นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) และคณะ ซึ่งเดินทางมาติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ณ โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ว่า ปัจจุบันสถานการณ์น้ำตอนบนของแม่น้ำเจ้าพระยากำลังเข้าสู่ภาวะคลี่คลาย โดยเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำประมาณ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีอัตราน้ำไหลผ่าน 1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ตอนล่างในจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร
“ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ สามารถระบายน้ำไม่เกินวันละ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขึ้นอยู่กับจังหวะน้ำทะเลขึ้นลง หากเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำลงมามากกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตร ก็จะยกบานประตูระบายน้ำขึ้นในช่วงที่น้ำทะเลลงเพื่อระบายน้ำลงทะเล หากเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำน้อยกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตร ก็จะปิดบานประตูระบายน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำทะเลหนุนขึ้นมา” นายชุติมันต์ สกุลพราหมณ์ กล่าว
จากการลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาของนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และคณะในครั้งนี้พบว่า โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ฯ มีการติดตั้งระบบโทรมาตร ซึ่งเป็นระบบสื่อสารและประมวลผลข้อมูล พร้อมควบคุมระยะไกล ทำให้สามารถทราบถึงคุณภาพน้ำและการระบายน้ำที่เป็นปัจจุบัน ส่งผลให้การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นไปอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ สามารถบรรเทาปัญหาอุทกภัยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงมาถึงจังหวัดสมุทรปราการ
ด้านนายวัชระ เติมวรรธนภัทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทรงคะนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เผยว่า ในอดีตน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาต้องไหลอ้อมคุ้งบางกะเจ้า คลองลัดโพธิ์เป็นคลองขนาดเล็กและตื้นเขิน มีชุมชนอยู่ตลอดสองฝั่งลำคลอง ส่งผลให้การระบายน้ำลงสู่ทะเลล่าช้า ต้องใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำเหนือหลากและน้ำทะเลหนุน จึงทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
“พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริให้แก้ไขปัญหานี้ โดยการปรับปรุงคลองลัดโพธิ์ให้มีความกว้าง 65 เมตร ด้านเหนือน้ำก่อนถึงประตู และกว้าง 66 เมตร หลังจากแนวประตูระบายน้ำจนถึงด้านท้ายน้ำ ความลึกของท้องคลองอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 7 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และมีความยาวจากปากคลองถึงปลายคลอง 600 เมตร เพื่อใช้เป็นทางลัดของน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลลงทะเลได้เร็วขึ้นจากเดิม 6 ชั่วโมงเหลือเพียง 10 นาที นอกจากจะเพิ่มความเร็วในการผันน้ำแล้ว ยังทรงเล็งเห็นถึงปัญหาการเดินทางของประชาชนจากฝั่งสมุทรปราการไปกรุงเทพมหานคร ที่ต้องใช้แพขนานยนต์ซึ่งมีข้อจำกัดของการบรรทุกและใช้เวลานาน จึงมีพระราชดำริให้สร้างถนนเชื่อมสะพานภูมิพล 1 และภูมิพล 2 เข้าด้วยกัน โดยสะพานภูมิพล 1 เชื่อมกับถนนพระราม 3 และสะพานภูมิพล 2 เชื่อมกับถนนปู่เจ้าสมิงพราย ทำให้การจราจรเกิดความคล่องตัว ปัจจุบันการจราจรไม่ติดขัด ทุกคนมีความสุขมาก น้ำไม่ท่วมรถไม่ติด และมีอาชีพจากความสมบูรณ์ของคุ้งบางกะเจ้า เพราะเมื่อน้ำไม่ท่วมน้ำทะเลไม่เข้า การเพาะปลูกก็สมบูรณ์ เกิดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและเชิงวัฒนธรรมใน 6 ตำบลของอำเภอพระประแดง ทุกคนไม่ลืมพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และจะตอบแทนพระองค์ด้วยการทำความดี รักและสามัคคี สร้างประโยชน์ต่อส่วนรวมให้เกิดขึ้นอย่างยาวนานสืบไป” นายวัชระ เติมวรรธนภัทร์ กล่าว
สำหรับสะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 ในแนวถนนวงแหวนอุตสาหกรรม เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สร้างขึ้นเพื่อคลี่คลายปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งใช้เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งเชื่อมโยงย่านอุตสาหกรรมของพื้นที่เขตราษฎร์บูรณะ เขตยานนาวา ของกรุงเทพมหานคร กับอำเภอสำโรงใต้ จังหวัดสมุทรปราการ ผ่านระบบโครงข่ายทางด่วนและถนนสายสำคัญต่าง ๆ สู่ภูมิภาคของประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี