บช.ปส.สนธิกำลัง ตร.ภาค 5 เปิดปฏิบัติการ “คาวบอยบ่อแก้ว”ค้น 30 จุดใน 5 จังหวัด ยึดทรัพย์เครือข่ายยานรก กว่า 118 ล้านบาท ส่วนตำรวจ สภ.บ่อไร่ จ.ตราด จับแรงงานหลอนยา แทง 1 ขวบ ดับ
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 บูรณาการร่วมกับ พล.ท.กาจน์ กอรี รอง ผบ.นบ.ยส.35 พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.วรพัฒน์ บุญมา ผบก.ตชด.ภาค 3 นายธันวา ผุดผ่อง ผอ.ปปส.ภาค 5 นายศิวะ ธมิกานนท์ รอง ผวจ.เชียงใหม่ ร่วมแถลงผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นกวาดล้างเครือข่าย ‘คาวบอยบ่อแก้ว’ ตรวจค้นเป้าหมาย 30 จุด เพื่อขยายผลการจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน ภายใต้ปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” คือ Seal พื้นที่ชายแดน ส่วน Stop คือการหยุดวงจรยาเสพติดและอาชญากรรมชายแดน และ Safe คือการทำให้พื้นที่ปลอดภัย
พล.ต.อ.ประจวบ กล่าวว่า ปฏิบัติครั้งนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 ตำรวจ บก.ปส.3 ได้จับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมของกลาง ไอซ์ 999 กิโลกรัม และคีตามีน 1,200 กิโลกรัม บริเวณท่าเทียบเรือ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และในวันที่ 10 สิงหาคม 2567 จับกุมผู้ต้องหา 10 คน ยึดไอซ์ 1,500 กิโลกรัม ในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี กระทั่งสามารถขยายผลจนทราบกลุ่มที่ลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ชายแดน ซึ่งลำเลียงไปส่งให้กลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม จึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์ จนเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ไอซ์ 30 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม
ต่อมาจากการสืบสวนขยายผล พบว่ามีผู้ร่วมลำเลียงยาเสพติดกับผู้ต้องหาที่ยังไม่ถูกจับกุม โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ ว่าจ้าง และขับรถนำทาง คอยคุ้มกันขบวนการลำเลียงยาเสพติด จากการตรวจสอบทรัพย์สินกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด พบว่าแทบไม่ถือครองทรัพย์สินใดเลย โดยจะใช้กลุ่มเครือญาติถือครองทรัพย์สินแทน จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้นำเงินจากการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปฟอกเงินในธุรกิจประเภทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยให้กลุ่มเครือญาติเป็นนอมินี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลออกหมายจับ 9 หมายจับ
สำหรับการเปิดปฏิบัติปิดล้อมตรวจค้น 30 จุดในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ , เชียงราย , ลำพูน , พะเยา และหนองคาย มีผู้ต้องหา 8 คน ตรวจยึดทรัพย์สินรวม 45 รายการ ได้แก่ บ้านพร้อมที่ดิน 10 รายการ มูลค่าประมาณ 40,000,000 บาท , ที่ดิน 18 แปลง มูลค่าประมาณ 54,000,000 บาท , สวนลำไย 70 ไร่ 1 แปลง มูลค่าประมาณ 17,500,000 บาท , รถยนต์ 11 คัน มูลค่าประมาณ 6,600,000 บาท และจักรยานยนต์ 5 คัน มูลค่าประมาณ 200,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด ประมาณ 118,300,000 บาท โดยได้เร่งสืบสวนสอบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่องต่อไป
พล.ต.อ.ประจวบ กล่าวอีกว่า ทางตำรวจ บช.ปส.ได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ในการ SEAL STOP SAFE อย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งมีการทำงานในหลายมิติ ทั้งการลาดตระเวนสกัดกั้นตามแนวชายแดน การเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัยในพื้นที่ชายแดน ขยายผลกลุ่มเครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่ชั้นใน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย (ด่านตรวจยานพาหนะ X-RAYS ) เข้ามาช่วยในการทำงาน เพื่อหยุดยั้ง สกัดกั้น ปราบปราม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ครบวงจร ตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย ตลอดจนมาตรการยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญและเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องให้สิ้นซาก
เช้าวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตำรวจ สภ.บ่อไร่ จ.ตราด ได้คุมตัวนายโทน อายุ 25 ปี แรงงานชาวมอญ ผู้ต้องหาฆ่าเด็กชายวัย 1 ขวบ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณป่ายาง พื้นที่หมู่ 2 บ้านปะอา ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ ท่ามกลางพ่อแม่ญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตที่มามุงดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ด้วยความโกรธแค้น ปนกับความเศร้าเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น
สำหรับเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยนายโทน มีอาการหลอนจากยาบ้าที่เสพเข้าไป 2 เม็ด ก่อนจะใช้เหล็กขูดชาร์ป กระหน่ำแทง ด.ช.โน้ต (นามสมมติ) อายุ 1 ปี รวม 6 แผลที่หน้าท้อง แขนขวาและขา จนเสียชีวิต ภายหลังก่อเหตุ ทางญาติได้คุมตัวไว้ได้ ก่อนจะแจ้งตำรวจมารับไปดำเนินคดี เบื้องต้นนายโทน รับสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะมีปากเสียงกับนายโอน อายุ 36 ปี บิดาของผู้เสียชีวิต ที่ขู่จะทำร้ายตนเองก่อน ประกอบกับเสพยาบ้าเข้าไปจึงเกิดความหวาดระแวง
ด้านนายโอน และนางมะมิด อายุ 35 ปี บิดาและมารดาของผู้เสียชีวิต ให้การว่าผู้ก่อเหตุเป็นญาติที่เพิ่งเดินทางมาทำงาน ก่อนหน้านี้มารดาของผู้ก่อเหตุก็มาทำงานด้วย จึงฝากลูกที่ยังเล็กให้มารดาผู้ก่อเหตุเลี้ยงดูในช่วงกลางคืน โดยให้ค่าจ้างวันละ 300 บาท กระทั่งมาทราบเรื่องว่าลูกถูกผู้ก่อเหตุแทงจนเสียชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี