“เวลาส่งส่งได้ แต่การทำชำระ บางคนอยู่บนดอย การเดินทางมันก็มีปัญหา อยากให้ทางประกันสังคมทำแอปฯ เพื่อให้มีที่ชำระอะไรรวดเร็ว เพราะว่ามันจะครอบคลุมกับคนที่มาส่ง ไม่ต้องลงจากดอยจากภูเขาดินแดนที่ไกลๆ แล้วก็การเบิกจ่ายสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมกับผู้ประกันตนด้วย จะได้ไปดูแลและชักชวนเข้ามาประกันสังคมเยอะๆ”
เสียงสะท้อนจาก ผัดแก้ว งามเมือง ประธานกลุ่มข้าวอินทรีย์เทียนแก้ว ในงาน “สมัชชาแรงงานนอกระบบ ประจำปี 2568” จัดโดยสมาพันธ์แรงงานนอกระบบ (ประเทศไทย) ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ (Homenet Thailand) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วงวันที่ 9-10 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ถึงปัญหาการส่งเงินสมทบ “ประกันสังคม มาตรา 40” สำหรับกลุ่มอาชีพแรงงานอิสระ (หรือแรงงานนอกระบบ)
นอกจากนั้น ยังมีประเด็น “สิทธิประโยชน์ของทายาทกรณีผู้ประกันตนมาตรา 40 เสียชีวิต” ที่มีข้อเรียกร้องว่า “อยากให้มีช่องทางระบุผู้ได้รับสิทธิที่ชัดเจน” เพราะที่ผ่านมา เมื่อผู้ประกันตนเสียชีวิต ผลคือเกิดปัญหาทายาทคนนั้นคนนี้ต่างอยากเข้ามาได้สิทธิประโยชน์ดังกล่าว รวมถึงค่าเดินทางไปพบแพทย์ ซึ่งจะได้ค่าเดินทาง 50 บาท/วัน บางครั้งไปถามแพทย์หรือพยาบาลเพื่อให้ออกใบรับรองก็ได้รับคำตอบว่าไม่ทราบ ทั้งนี้ ประชาชนพร้อมจ่ายแต่อยากให้ปรับปรุงระบบให้ดี เพื่อที่จะได้มีผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น
สำหรับประกันสังคม มาตรา 40 นั้น สามารถเลือกส่งเงินสมทบได้ 3 ทาง ซึ่งจะได้สิทธิประโยชน์ต่างกันดังนี้ “ทางเลือกที่ 1” จ่าย 70 บาท/เดือน รับสิทธิประโยชน์ 3 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต “ทางเลือกที่ 2” จ่าย 100 บาท/เดือนรับสิทธิประโยชน์ 4 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ (รับบำเหน็จ) และ “ทางเลือกที่ 3” ผู้ประกันตนจ่าย 300 บาท/เดือน รับสิทธิประโยชน์ 5 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ (รับบำเหน็จ) และสงเคราะห์บุตร
ในงานสมัชชาแรงงานนอกระบบครั้งนี้ มีตัวแทนจากประกันสังคม 3 ท่าน มาบอกเล่าถึงความพยายามปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของมาตรา 40 อาทิ รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการประกันสังคมฝ่ายผู้ประกันตนและประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบประกันสังคม มาตรา 40 เปิดเผยว่า มีหลายเรื่องที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) ประกันสังคมชุดใหญ่แล้วตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2567 1.เพิ่มค่าเดินทางไปพบแพทย์ จาก 50 บาท เป็น 200 บาท
2.ปรับการขอใบรับรองแพทย์เพื่อเบิกค่าเดินทาง เนื่องด้วยการใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลของผู้ประกันตนมาตรา 40 จะใช้สิทธิของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) แต่เงื่อนไขของประกันสังคมในการออกใบรับรองแพทย์ คือต้องเป็นสถานพยาบาลแบบรับผู้ป่วยในซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่ผู้ประกันตนจะใช้บริการกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือคลินิก สปสช. ทำให้ส่วนมากเบิกไม่ได้ 3.ปรับลดจำนวนวันไปพบแพทย์ที่เข้าเงื่อนไขเบิกค่าเดินทางได้ จากเดิมต้อง 3 วัน ให้ลดลงเหลือ 1 วัน
4.ลาคลอดเข้าข่ายเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ซึ่งที่ผ่านมามีข้อถกเถียงว่าการตั้งครรภ์ไม่ใช่การเจ็บป่วยจึงไม่น่าจะเบิกได้ แต่ต่อมาก็ได้ข้อสรุปว่าเป็นค่าชดเชยรายได้ที่ไม่สามารถทำงานได้ อัตราเบื้องต้นคือ 3,000-9,000 บาท 5.เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร จากเดือนละ 200 บาท เป็น 300 บาท 6.กำหนดทางเลือกให้ผู้ประกันตนกำหนดทายาทที่ต้องการให้ได้รับสิทธิประโยชน์กรณีเสียชีวิต หากระบุไว้ก็ไม่ต้องไปตามหาทายาททุกคนของผู้ประกันตนมาเฉลี่ยสิทธิประโยชน์
“ผมเข้ามาเป็นประธานอนุกรรมการ ไฟแรงมาก ยอมทะเลาะกับทุกคนในอนุฯ เลยเพื่อให้เรื่องของเราผ่าน ยอมไปทะเลาะในบอร์ดอีก แต่สุดท้ายผ่านบอร์ด ถามฝ่ายกฎหมายว่าใช้เวลาเท่าไหร่ 9 เดือน ถึงจะบังคับใช้ คือเกินอำนาจผมไปแล้ว ผมทะเลาะกับคนได้ทั้งบอร์ดเพื่อให้เรื่องนี้ผ่าน แต่ว่าสุดท้ายต้องไปอยู่ในมติ ครม. แล้วมติ ครม. มีร้อยแปดพันเก้า ประกันสังคมมาตรา 40 ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญที่จะถูกบรรจุในมติ ครม. อันนี้ใช้เวลา 8-10 เดือน ผ่านมติ ครม. และแม้แต่กว่าจะผ่านบอร์ดใหญ่ก็ใช้ระยะเวลานาน นี่คือปัญหาอุปสรรค” รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าว
นอกจากการต้องรอเวลากว่าที่การปรับแก้ต่างๆ ข้างต้นจะออกมาบังคับใช้แล้ว รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ยังกล่าวถึงความท้าทายอีกด้านคือ ในขณะที่มียอดผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 1.5 ล้านคน แต่มีผู้ส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่องทุกเดือนประมาณ 7 แสนคน สาเหตุคือไม่มีเงิน แม้จะ 70 บาท หรือ 100 บาท บางคนนำไปใช้เป็นทุนทำมาหากินก่อน (เช่น ไปเติมน้ำมัน) แต่เมื่อไม่จ่ายอย่างต่อเนื่องก็ไม่สามารถเบิกสิทธิประโยชน์ได้ อีกทั้ง ผู้ประกันตนส่วนใหญ่อายุมาก เฉลี่ย 45 ปีขึ้นไป จึงต้องพยายามปรับปรุงสิทธิประโยชน์เพื่อดึงคนอายุน้อยเข้ามาเพิ่มขึ้น
นฤมล บุญมี ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความมั่นคงแรงงานนอกระบบ สำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า มีใบรับรองแพทย์จากช่วงที่มีสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ซึ่งเวลานั้นคนออกใบรับรองแพทย์หลายครั้งก็ไม่ใช่แพทย์ แต่เป็นพยาบาลหรือเจ้าพนักงานสาธารณสุข เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขออกหลักเกณฑ์มาใช้เพื่อแก้ปัญหาแพทย์ขาดแคลนในช่วงดังกล่าว ในการออกใบรับรองแพทย์เพื่อให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สามารถกักตัวที่บ้านได้ แต่ระเบียบประกันสังคมกำหนดการเบิกสิทธิประโยชน์ว่าต้องเป็นใบรับรองแพทย์ที่ออกโดยแพทย์เท่านั้น
ซึ่งต้องบอกว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 มีใบรับรองแพทย์ลักษณะนี้หลักหมื่นใบ ดังนั้นจึงอยู่ระหว่างการแก้กฎหมายให้มีผลย้อนหลัง กรณีใบรับรองแพทย์ส่งมาแล้วและสำนักงานประกันสังคมก็รับเก็บไว้ หากแก้ได้สำเร็จก็จะได้ทยอยนำมาเบิกสิทธิประโยชน์กรณีขาดงานพักรักษาตัวได้ต่อไป ส่วนเรื่องใบรับรองแพทย์กรณีเป็นผู้ป่วยนอกไม่ได้พักรักษาตัวในสถานพยาบาล ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้บันทึกข้อมูลในระบบใบรับรองแพทย์อิเล็กทรอนิกส์
โดยทางประกันสังคมให้แนวทางว่า เมื่อผู้ประกันตนไปพบแพทย์แต่ไม่ได้หยุดพักรักษาตัว ในกรณีไปพบด้วยตนเอง (ไม่ใช่การให้ญาติไปรับยา) หากแก้กฎหมายผ่านก็จะได้ครั้งละ 200 บาท ขณะที่การหยุดพักรักษาตัว ให้แนวทางแพทย์ในการเขียนว่า “หยุดพักฟื้นที่บ้าน (ระบุวันที่)” หรือ “นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล” เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายจากถ้อยคำที่แพทย์เขียนมา เช่น หยุดเดิน หยุดใช้มือ
“คิดว่าอีกไม่นานนี้น่าจะเสร็จเรียบร้อย เพราะว่าในเรื่องของคอมพิวเตอร์คุยกันไว้แล้ว ทดลองระบบแล้ว ถ้าใช้ได้ก็จะให้ทางสาธารณสุขเขาใช้ เพียงแต่ว่าเวลาดึงข้อมูลท่านอาจจะไม่รู้ว่าข้อมูลนี้จะถูกดึงมาดึงอย่างไร สำนักงานประกันสังคมเราจะประชาสัมพันธ์ในช่วงที่เราทำความตกลงกับสาธารณสุขเรียบร้อยว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านส่งมาให้ทางประกันสังคมได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลก็เลยจะมีความซับซ้อน ไม่ใช่อยากจะไปขอก็ได้ ต้องมีความตกลงกันว่าข้อมูลส่วนบุคคลของแต่ละท่าน สำนักงานเอามาใช้ในแผนปฏิบัติงาน” นฤมล กล่าว
ส่วนที่ผู้ประกันตนมาตรา 40 ร้องเรียนว่าไม่ได้รับความสะดวกในการจ่ายเงินสมทบ เนื่องจากหลายคนอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร ผอ.สำนักเสริมสร้างความมั่นคงแรงงานนอกระบบ เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 ก.พ. 2568 จะมีการเปิดตัวช่องทางการจ่ายเงินสมทบผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ทั้งกรณีมาตรา 40 และมาตรา 39 เพื่อเพิ่มความสะดวกกับผู้ประกันตนมากขึ้น!!!
SCOOP.NAEWNA@HOTMAIL.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี