เมื่อวันที่ 12 มีนาคมผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีต ผกก.โจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยก่อเหตุใช้ผ้าขนหนูผูกคอตัวเองที่ห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอน แดน 5 ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งญาติยังติดใจสาเหตุ รวมทั้งประเด็นการถูกกลั่นแกล้ง ถูกทำร้ายร่างกายจากผู้คุมฯ ไม่ยอมฌาปนกิจศพ จนกว่าคดีจะเกิดความกระจ่างชัด ว่า ที่ สน.ประชาชื่น น.ส.สิภชา แก่นสุวรรณ อายุ 28 ปี ภรรยา ผกก.โจ้ พร้อมมารดา (แม่ยาย) และนายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความ เข้าพบ พ.ต.อ.สัญญา อุบลวิรัตนา ผกก.สน.ประชาชื่น พ.ต.ท.ณัฐพล รัตน์สุภาพงศ์ สว.(สอบสวน) สน.ประชาชื่น เพื่อให้ปากคำในคดีการเสียชีวิตของ ผกก.โจ้

ต่อมาเวลา 12.35 น.น.ส.สิภชา รวมถึงมารดาและทนายความ ได้ออกมาจากห้องสอบสวน ภายหลังให้ปากคำนานประมาณ 2 ชั่วโมง โดยนายวีรศักดิ์ กล่าวว่า เป็นการให้ปากคำเบื้องต้นในการดำเนินการตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ส่วนประเด็นที่ถูกสอบนั้นขอยังไม่เปิดเผย ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน หากมีกำหนดการอะไรเพิ่มเติมจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากที่มีกระแสข่าวอ้างว่าก่อน ผกก.โจ้ จะเสียชีวิต ได้มีปากเสียงกับบุคคลที่มาเยี่ยม นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ยังเปิดเผยข้อมูลไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่ามีการโวยวายจริงหรือไม่ ทางทนายความไม่ตอบคำถาม เช่นเดียวกับ น.ส.สิภชา ที่ไม่ตอบคำถามว่าในวันนั้นได้พูดคุยอะไรกับ ผกก.โจ้ ในระหว่างเข้าเยี่ยม

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามทนายความ ว่าวันที่เยี่ยม ผกก.โจ้ เป็นครั้งสุดท้าย มีการอัดเสียงการสนทนากันหรือไม่ ทนายความ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ที่พนักงานสอบสวน ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ได้สั่งการกรมราชทัณฑ์ ให้ความร่วมมือตำรวจ และเร่งรัดการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รวดเร็ว ตรงไปตรงมา ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ขณะที่ญาติได้เข้าเยี่ยม ผกก.โจ้ ทางผู้คุมได้ถ่ายคลิป ผกก.โจ้ โวยวาย สติหลุด นั้น โดยปกติเรือนจำทุกแห่ง มีการบันทึกการสนทนาขณะที่ญาติมาเยี่ยมผู้ต้องขัง แต่หลักฐานทั้งหมดจะต้องถูกเก็บเป็นความลับ หากเป็นเหตุการณ์และมีหน่วยงานที่ต้องการใช้ตามกฎหมาย เราก็ให้ความร่วมมือ แต่หากเป็นทนายความ เข้าไปคุยกับผู้ต้องขัง เกี่ยวกับคดี จะไม่มีการบันทึกการสนทนา

สำหรับที่มีข้อมูลว่าพบข้อความสนทนาบางอย่าง ที่อาจนำไปสู่แรงจูงใจในการก่อเหตุ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการสอบสวน ส่วนเรื่องภาพกล้องวงจรปิด จะสามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้หรือไม่ อยู่ที่พนักงานสอบสวน เพราะกรมราชทัณฑ์ ได้ส่งภาพกล้องวงจรปิดทั้งหมดไปให้แล้ว ในส่วนที่ตำรวจจะขอภาพกล้องวงจรปิดย้อนหลังก่อนเกิดเหตุ 1 สัปดาห์นั้น ตนยังไม่ได้รับรายงานว่าการขอพยานหลักฐานติดขัดปัญหาตรงไหน แต่ย้ำว่าหากติดปัญหาส่วนไหนให้แจ้งมาได้ทันที

ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวน ระบุว่าขณะที่เข้าไปพบศพ ไม่ได้อยู่ในสภาพแขวนคอแล้ว ยากต่อการชันสูตรพลิกศพ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการปฏิรูปทั้งหมด เพราะตามระเบียบ เจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพเท่านั้นที่จะแตะต้องศพได้เป็นคนแรก ยกเว้นกรณีการเข้าไปช่วยเหลือก่อนเสียชีวิต โดยการเข้าไปต้องรอให้ครบ 4 หน่วยงาน กรณีนี้ที่มองว่ากว่าจะได้เข้าไปนั้นล่าช้า ต้องดูเหตุผลว่าทำไม พอเป็นเวลากลางคืนแล้วจึงช้า แต่ย้ำว่าไม่ปล่อยให้มีการทำลายพยานหลักฐาน และเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพมีความรู้อยู่แล้ว

พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงการสอบสวน ผบ.เรือนจำ และผู้คุม ว่าขณะนี้กำลังเร่งรัด โดยให้ทางปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นหัวหน้าคณะ โดยตรวจสอบว่าจะเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย หรือไม่ โดยจะมีหน่วยงานภายนอก ร่วมตรวจสอบ แต่ในส่วนที่ญาติได้ไปร้องเรียนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะมีการพิจารณาเป็นคดีพิเศษหรือไม่ จะต้องรอผลการชันสูตรพลิกศพก่อน

เมื่อถามว่ากรณีที่มีแม่ ร้องดีเอสไอ ว่าลูกชายติดคุกคดียาเสพติดที่เรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี และถูกผู้คุมทำร้ายโดยมีหลักฐานเป็นจดหมาย หวั่นซ้ำรอย ผกก.โจ้ หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ทราบว่ามีเหตุการณ์เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2567 และนอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่มาร้องในลักษณะเดียวกัน ถือเป็นโอกาสดี เนื่องจากระบบราชการจะต้องมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ เรื่องที่มีการร้องเรียนจะต้องมีการสอบสวน ตนต้องการให้เรือนจำเป็นสถานที่พัฒนาผู้ต้องขังเพื่อให้กลับสู่สังคมได้

วันเดียวกัน กระทรวงยุติธรรม มีคำสั่ง ที่ 70/2568 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2568 มอบหมายให้นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ไปปฏิบัติหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรม โดยมีหน้าที่และอำนาจเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบการปฏิบัติราชการของเรือนจำกลางคลองเปรม อีกหน้าที่หนึ่ง และให้นายเผด็จ หริ่งรอด ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทน ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม กลับไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง

ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่าคำสั่งดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการลงโทษ แต่เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังในเรือนจำกลางคลองเปรม มีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของ ข.ช.ธิติสรรค์ อุทธนผล และข้อกล่าวหาที่ถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย เป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นธรรมต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม

ขณะที่ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวถึงการสอบสวนการเสียชีวิตของ ผกก.โจ้ ว่า ได้สั่งการให้สอบสวนในประเด็นที่สังคมสงสัย เช่น ตรวจบาดแผลในร่างกาย ถูกล่วงละเมิดหรือไม่ รวมถึงเลือดที่พบในห้องขัง ตามที่ญาติผู้เสียชีวิตตั้งข้อสงสัย เบื้องต้นทราบเพียงว่าเป็นเลือดมนุษย์ แต่ต้องไปตรวจดีเอ็นเอเพิ่มเติม รวมถึงผ้าขนหนู ว่าใครมีผ้าขนหนูลักษณะแบบนี้ มีใครใช้บ้าง ทั้งนี้ ยังมีหนึ่งจุดที่ยังตอบโจทย์ไม่ได้ คือเสื้อที่ ผกก.โจ้ สวมใส่ เดินเข้าห้องขังก่อนเสียชีวิต หายไปจากที่เกิดเหตุ ซึ่งกำลังให้ตำรวจ เร่งตามหา โดยจากกล้องวงจรปิด จะเห็นว่าระหว่างที่เดินเข้าห้องขัง ผกก.โจ้ สวมเสื้อเข้าไป แต่ภายหลังตำรวจเข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ เสื้อที่ ผกก.โจ้ สวมได้หายไป

สำหรับกล้องวงจรปิดมี 2 ข้าง และได้ส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบว่ามีการตัดต่อหรือไม่ ยืนยันว่าประเด็นใดที่สังคมสงสัย จะพยายามคลี่คลายทีละประเด็น โดยตั้งสมมติฐานเรื่องการเสียชีวิต ว่า

1.ฆ่าตัวตาย 2.มีคนทำให้เสียชีวิต เนื่องจากมีคนสงสัย ทางตำรวจก็ต้องคลี่คลายประเด็นนี้ สำหรับผู้คุม คู่กรณีของ ผกก.โจ้ นั้น คนถูกทำร้ายร่างกายได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม ว่าก่อน ผกก.โจ้ เสียชีวิต มีการเล่าให้ใครฟังบ้าง เช่น คนในครอบครัว เพื่อนสนิทที่เป็นตำรวจ ว่าผู้คุมคนไหนเป็นผู้ทำร้ายร่างกายเขา และหากทางญาติแจ้งความดำเนินคดี ก็ต้องเรียกบุคคลนั้นมาสอบสวนดำเนินคดี

ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวยอมรับว่า ก่อนหน้านั้นมีทั้งแฟน น้องสาว และเพื่อนสนิท ไปเยี่ยม ผกก.โจ้ และไม่มีมูลเหตุว่าจะฆ่าตัวตาย แต่หลักฐานที่จะนำไปสู่การถูกทำร้าย หรือถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ก็ไม่มีเช่นกัน ซึ่งทางตำรวจ กำลังเร่งรัดหาอยู่ตามพยายามหลักฐาน