9 พฤษภาคม 2568 จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน สภ.นาโยง สนธิกำลังร่วมกับ ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ตรัง ตร.กองปราบฯ ปราม (ชป.ตรัง) กว่า 10 นาย นำหมายจับศาล จ.ตรัง ที่ 171/2568 ลงวันที่ 7 พ.ค.68 เข้าจับกุมตัว ด.ต.ธีรยุทธ มืดทอง หรือจ่ามืด อายุ 46 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป.สภ.หาดสำราญ ปรากฏว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ ตำรวจเข้าไปแสดงตัวเพื่อจับกุมระหว่างที่ ด.ต.ธีรยุทธ กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่นั้น ด.ต.ธีรยุทธ มีอาการตกใจ ได้วิ่งไปบริเวณหน้าห้องวิทยุสื่อสารบนโรงพัก คว้าอาวุธมีดที่วางอยู่บนโต๊ะทานข้าวปาดคอทำร้ายตัวเองบริเวณลำคอได้รับบาดเจ็บ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เวลาประมาณ 12.00 น. วันนี้ 8 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณร้านขายไส้กรอกอีสาน บริเวณบ้านป่ายาง ริมถนนนาโยง-ย่านตาขาว พื้นที่ หมู่ 4 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง ของ น.ส.พรพิมล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้เสียหาย และเป็นจุดเกิดเหตุอีกครั้ง ในวันนี้ร้านปิดให้บริการ ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์แต่ไม่สามารถติดต่อผู้เสียหายได้ เนื่องจากยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันจากการสอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าวทราบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงบ่ายได้สังเกตเห็นชายสวมหมวกกันน็อกเต็มใบขี่ จยย.วนดูรอบที่เกิดเหตุ ก่อนอาศัยวังหวะชิงทองดังกล่าวโดยที่ไม่มีเสียงโวยวายแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ผู้สื่อข่าวได้ไปติดตามความคืบหน้าคดีกับ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง ได้เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเหตุชิงสร้อยคอทองคำในพื้นที่ สภ.นาโยง ทางการสืบสวนตนได้รับรายงานมาโดยตลอด กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ตั้งแต่ก่อนและหลังเกิดเหตุ สามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้อย่างชัดเจน และมีการสืบสวนอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้ผู้ก่อเหตุได้รู้ตัว พอมีหมายจับมาผู้ก่อเหตุคงตกใจเลยก่อเหตุคิดสั้นเพื่อหนีความผิด ซึ่งในช่วงถูกจับกุมนั้นผู้ต้องหาไม่มีอาวุธปืนพกติดตัวอยู่
ตอนนี้อาการของ ด.ต.ธีรยุทธ มืดทอง อายุ 46 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป.สภ.หาดสำราญ พ้นขั้นวิกฤติแล้วรักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้อของ รพ.ศูนย์ตรัง ยังไม่สามารถที่จะให้การได้ มีการจัดกำลังตำรวจ สภ.เมืองตรัง เฝ้าเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง ตนไม่รู้จักกับตำรวจผู้ก่อเหตุเป็นการส่วนตัว แต่ระยะหลังตนได้รับรายงานมาว่า มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ส่วนการดำเนินคดีตอนนี้อยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงานแล้ว แต่ผู้ต้องหามีอาการบาดเจ็บจึงยังไม่สามารถฝากขังต่อศาล ในวันพรุ่งนี้ (9 พ.ค.) จะไปขอหมายขังที่ศาลจังหวัดตรัง การทำสำนวนการรวบรวมพยานหลักฐานก็ทำตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งทำอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการละเว้นถึงแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนบทลงโทษทางวินัยเมื่อต้องหาคดีอาญา ตำรวจทำคามผิดเสียเองถือเป็นการทำผิดวินัยร้ายแรง มีโทษปลดออกหรือไล่ออก
ที่ผ่านมาทางตำรวจภูธรจังหวัดตรังก็มีการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาตามสายงานรวมถึงควบคุมความประพฤติ การอบรมอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ซึ่งจากเหตุการณ์นี้เป็นความผิดส่วนบุคคล เป็นปัญหาส่วนตัวทั้งด้านการเงินหรือปัญหาอะไรต่างๆ ตรงนี้ต้องไปตรวจสอบรายละเอียดอีกทีว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ถึงได้มาก่อเหตุดังกล่าว แต่โดยภาพรวมตำรวจภูธรจังหวัดตรังยังคงมีระเบียบวินัย มีตำรวจเพียงน้อยนิดที่มากระทำความผิด
ส่วนการสุ่มตรวจสารเสพติดของตำรวจก็มีการทำมาโดยตลอดตามมาตรการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องปลอดยาเสพติด อาจมีส่วนน้อยที่เป็นเนื้อร้าย ทางเราก็ต้องตัดออกเพื่อรักษาอวัยวะส่วนใหญ่ไว้ อยากให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน ภายใต้บังคับบัญชาของผู้บังคับบัญชายุคปัจจุบัน เชื่อมั่นได้เลยว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ขอให้ประชาชนไว้ใจการทำงานของตำรวจ
ขณะที่ลูกค้าขาประจำที่ซื้อลูกชิ้นและไส้กรอกอีสาน กล่าวว่า ทางน้องติ้กผู้เสียหายที่เป็นแม่ค้าไส้กรอกอีสาน ได้หยุดขายมาหลายวันแล้วตั้งแต่เกิดแหตุ ส่วนตัวตนเองไม่รู้สึกกลัวแต่พอรู้ว่าคนก่อเหตุเป็นตำรวจก็ตกใจ แต่ตำรวจที่ดีก็มีเยอะ แต่ตำรวจที่ไม่ดีก็มีบ้าง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวไม่เคยเกิดเหตุลักษณะนี้มาหลายปีแล้ว ทางด้านแม่ค้าขายหมูย่างที่อยู่เยื้องๆกันก็ตกใจที่เกิดขึ้นเพราะตนมาขายหมูที่บริเวณดังกล่าวไม่มีการก่อเหตุลักษณะดังกล่าวนี้เลย ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวเองมากขึ้น
.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี