‘ม่อฉี’ขนมพื้นบ้านโบราณจ.สงขลา
หาทานยากตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองสงขลา นางนงนาถ นพเพชร อายุ 50 ปี และนายวุฒิศักดิ์ นพเพชร บุตรชายที่มาช่วยแม่ เนื่องจากมหาวิทยาลัยยังไม่เปิดเรียน สองแม่ลูกมาตั้งโต๊ะขายขนมโบราณ “ม่อฉี” ซึ่งทำสดๆกันตรงนั้น โดยคุณแม่เป็นฝ่ายปั้นขนม และลูกชายก็ช่วยแพ็กใส่กล่องและช่วยขาย ในราคา 5 ลูก 20 บาท มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา บางครั้ง ปั้นขนมแทบไม่ทัน
สำหรับ “ขนมม่อฉี” โมจิเมืองไทยของชาวสงขลา ขนมหวานที่มีลักษณะเป็นแป้งหนืดๆ ก้อนกลมๆ ข้างในเป็นไส้ น้ำตาลแว่น ถั่วงา และเกลือ ของสงขลานี้เป็นขนมที่อาจจะไม่ได้เก่าแก่โบราณหลายร้อยปี แต่ก็มีประวัติเรื่องเล่าอิงถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างที่เราเห็นกัน ขนมชนิดนี้มีลักษณะและชื่อที่คลับคล้ายใกล้เคียงกับชื่อของ “โมจิ” มาก ทำให้เข้าใจว่ามาจากขนมโมจิ โดยอาจารย์วันดี ณ สงขลา ให้ข้อมูลว่าประวัติขนมม่อฉีของสงขลานี้ มีพัฒนาการประยุกต์กับโมจินี่
เรื่องเล่ากล่าวกันว่าในสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 2484 กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกเข้าสู่ดินแดนไทยได้สำเร็จในหลายจังหวัดทางภาคใต้โดยกองทัพเรือ ทำให้ปรากฏร่องรอยของชาวญี่ปุ่นในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทหารญี่ปุ่นนำอะไรหลายๆอย่างติดตัวมาด้วย หนึ่งในนั้นก็คือวัฒนธรรมอาหารที่ได้เผยแพร่สู่คนในพื้นที่ โดยทหารญี่ปุ่นเป็นผู้สอนให้คนไทยได้รู้จักวิธีการทำขนมนี้ขึ้นมาโดยประยุกต์จากวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น ซึ่งทหารญี่ปุ่นคงจะเรียกสิ่งนี้ว่าโมจิ แต่คนไทยคงได้ยินแล้วพูดตามจนเพี้ยนเป็นม่อฉีที่ฟังดูเป็นชื่อจีนขึ้นมา
ในปัจจุบันนี้ "ขนมม่อฉี" อาจจะเป็นขนมที่ไม่ได้มีวางขายกันอย่างแพร่หลายมากนัก แต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง เช่น ที่สงขลาซึ่งเชื่อว่าเป็นถิ่นกำเนิดหลัก โดยนอกจากสงขลาแล้วขนมชิ้นนี้ก็ยังถูกเผยแพร่ออกไปยังจังหวัดอื่นๆ ใกล้เคียงด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี