วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นายทหารระดับรองผู้บังคับกองพันนายหนึ่งในสังกัดกองบิน 23 จ.อุดรธานี ใช้ตำแหน่งหน้าที่บังคับให้ทหารเกณฑ์ในปกครองเดินทางไปขับไรเดอร์รับจ้างในกรุงเทพฯ เพื่อหารายได้ส่งให้ตนเอง พร้อมกำหนดเป้าให้มีรายได้ 3,000 บาทต่อวัน ก่อนหักแบ่งรายได้ให้ทหารเกณฑ์ผู้โชคร้ายรายนี้ 10 % ทหารเกณฑ์รายนี้ไม่สามารถทนถูกกดขี่ได้จึงเข้าร้องนักข่าวและเพจสายไหมต้องรอดให้ช่วยเหลือตามที่สื่อนำเสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุดบ่าย ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังภูมิลำเนาบ้านของพลทหารรายดังกล่าวอีกครั้ง ที่บ้านหลังหนึ่งใน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี โดยพบกับนายคำปุ่นฯ พ่อของพลทหารยังคงเฝ้ารอข่าวและการติดกลับจากลูกชายอย่างใจจดจ่อ สอบถามเบื้องต้นทราบว่าหลังเป็นข่าวยังไม่มีหน่วยงานใดมาหา ส่วนลูกชายก็ยังไม่สามาถติดต่อได้ ต่อมานักข่าวได้บอกกับพ่อของพลทหารว่าตอนนี้ลูกชายปลอดภัยดีอยู่ในความดูแลของทีมช่วยเหลือและกำลังเดินทางไปพบผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพอากาศที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศไทยเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยพ่อก็มีสีหน้าที่ดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ข่าวลูกชายปลอดภัยแต่ยังคงกังวลเกรงว่าหากลูกชายกลับมาอุดรธานีจะถูกตัดตอน
ขณะที่นักข่าวกับพ่อของพลทหารกำลังนั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่ คุณ โป้ง พงศพัศ ทีมช่วยเหลือได้โทรศัพท์เข้ามาหาทีมข่าวโดยบอกว่าลูกชายและรองเสนาธิการฯ อยากพูดคุยด้วย” จากนั้นพ่อลูกก็ได้คุยกัน
ด้าน น.อ.วุฒิกร สุวารี รองเสนาธิการหน่วยบัญชาการอาการศโยธิน กล่าวกับนายคำปุ่นว่า พ่อไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ตนได้พูดคุยกับน้องแล้ว น้องตอนนี้รู้สึกกังวลว่าผู้บังคับบัญชาของเขาจะยังไง เรื่องที่เกิดขึ้นผู้บังคับบัญชากองบินเขาไม่รู้ไม่รับทราบ แต่สิ่งที่ทำมันไม่ถูกต้องอยู่แล้ว เรื่องนี้ก็จะว่ากันไปตามกฎระเบียบของทางราชการ ส่วนเรื่องที่พ่อกังวลว่าลูกชายจะไม่ปลอดภัยทางตนรับประกันความปลอดภัยของลูกชายคุณพ่อ โดยคุณพ่อมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มและดีใจมากขึ้น
นายคำปุ่นฯ พ่อของพลทหาร กล่าวว่า ตอนนี้ส่วนตัวก็รู้สึกหดหู่ที่ลูกชายไปเป็นทหารแล้วต้องมาขับไรเดอร์ ตอนแรกก็คิดว่าลูกชายคงไปเป็นทหารรับใช้นายทำงานที่ดี แต่กับถูกกดหัวใช้กดขี่ ตนก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง ตอนนี้ก็อยากให้ลูกชายเดินทางกลับมาบ้านมาเล่าเรื่องราวอธิบายเหตุผลให้ฟัง ทำไมจะต้องไปขับไรเดอร์แบบนั้น ที่สำคัญรู้สึกกังวลหากลูกชายออกมาพูดความจริงแล้วจะถูกฆ่าตัดตอน ฝากถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง ทั้ง ผอ.ทอ. ขอให้กำชับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา อย่าให้ทหารปฏิบัติตนนอกแถว ทหารต้องมีระเบียบ อย่านอกลู่นอกทางทหารควรอยู่ระเบียบวินัย เพราะตนก็เคยเป็นทหารเกณฑ์เช่นกัน
หลังรับประทานอาหารแล้วเสร็จทีมข่าวกับนายคำปุ่นฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมน้องอะตอม ลูกชายพลทหาร วัย 5 เดือน ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง โดยพบกับนางตุ๊ก อายุ 50 ปี แม่ยายของพลทหาร กำลังนั่งเลี้ยงหลานที่เป็นลูกชายของพลทหาร
สอบถามนางตุ๊กฯ บอกว่า ลูกเขยหลังไปทหารก็ไม่ค่อยติดต่อกลับมาเลย เท่าที่จำได้เขาเคยขับรถคันสีฟ้ามาจอดที่บ้าน ลูกเขยไม่ค่อยพูดอะไรให้ฟังมาก เท่าที่รู้ลูกเขยไปเป็นทหารก็ไม่ค่อยมีเงินใช้และไม่เคยส่งเงินกลับมาช่วยเลี้ยงดู บางทียังโทรมาขอเงินจากเมียเขาอีกด้วย ครั้งละ 200-300 บาท และเขาก็เลิกกับลูกสาวของตนไปเดือนก่อน ส่วนสาเหตุเพราะลูกสาวกับลูกเขยมีปัญหาเรื่องเงิน
ขณะที่น.ส.เอ้ แม่ของอะตอมลูกพลทหาร เล่าว่า ตนกับรู้จักกันมาได้ 1 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ตอนนี้น้องอายุได้ 5 เดือน จากนั้ลทหารได้สมัครไปเป็นทหารอยู่ประจำที่กองบิน 23 จ.อุดรธานี เพราะอยากมีเงินมาช่วยเลี้ยงลูก ตอนเป็นทหารแต่ละเดือนเขาก็ส่งเงินมาช่วยเลี้ยงลูกบ้าง เดือนละ 3,000 หรือ 4,000 บ้าง ก่อนเราเลิกกันลทหารบอกว่าทางต้นสังกัดจะจำหน่าลทหารออกมาทำงานข้างนอก ส่วนเงินเดือนพลทหารก็จะเอาเข้าบัญชีรอง ตอนนั้นตนก็ไม่ได้ติดขัดอะไร โดยลทหารยังบอกว่าจะไปทำงานขับรถไรเดอร์ และขับแไรเดอร์ได้ประมาณ 2 เดือนก็ย้ายไปทำงานที่กรุงเทพฯ
มีอยู่วันหนึ่งก่อนเราเลิกกันพลทหารทักมาขอยืมเงิน 300 บาท อ้างว่าจะรีบตัดยอดเงินส่งนาย ตนก็โอนให้พอทวงถามเงิน 300 บาทคือพลทหารก็โอนเงินคืนกลับมาแล้วก็บอกเลิกกัน ตอนนี้ตนก็ยังไม่รู้ว่าสาเหตุที่ยืมเงิน 300 ไป เพราะอะไรทำไมพลทหาก็ยังไม่พูดความจริง ก็เลยทำให้ทะเลาะกันและเลิกกัน ส่วนเรื่องที่เป็นไปขับไรเดอร์แล้วเอาเงินส่งให้นายนั้น ตนก็ไม่รู้ว่าจะต้องเอารายได้ส่งให้นายทั้งหมด เพราะว่าหลังจากเราเลิกกันแล้วเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าโอกาสจะคืนดีกันได้ไหม หลังรู้ข่าวสามีก็ลำบากและเจอเรื่องหนักๆ ถูกนายสั่งไปขับไรเดอร์หาเงินให้ น.ส.เอ้ก็บอกว่า อยากให้โทรมาหาหน่อย โอกาสคืนด้วยก็มีเพราะเพิ่งรู้ข่าวว่าสามีก็ลำบาก สงสารสามีเหมือนกัน และไม่อยากให้โกหก มีอะไรมาพูดกัน สงสารลูกน้อยวัย 5 เดือน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี