‘บิ๊ก กพฐ.’ ขันน๊อตโรงเรียน-เขตพื้นที่ฯยึดมารการความพร้อม 5 ด้าน นักเรียน-ครู ปลอดภัยอันดับ 1
20 พฤษภาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ. ครั้งที่ 19/2568 เพื่อติดตามการขับเคลื่อนนโยบาย “ เรียนดี มีความสุข” และกิจกรรมเปิดภาคเรียน โดยมี นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลชาธิการ กพฐ.) และนายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ.รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า ในวันนี้ตนได้เน้นย้ำถึงกิจกรรมการเปิดภาคเรียนที่ 1/2568 โดยภาพรวมทั้งประเทศ ทุกโรงเรียนสามารถเปิดเรียนได้เรียบร้อยดี รวมทั้งโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีปัญหาความไม่สงบ แต่ทุกโรงเรียนก็สามารถเปิดการเรียนการสอนได้จนถึงวันนี้ยังไม่มีโรงเรียนใดสั่งปิด นอกจากนี้ ในช่วงเปิดภาคเรียน สพฐ.ได้เน้นย้ำให้ทุกโรงเรียนและทุกเขตพื้นที่ฯ ดูแลเรื่องความปลอดภัยของสถานศึกษา และความปลอดภัยของนักเรียนและครู ทุกโรงเรียนจะต้องไม่มีปัญหาเรื่องยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า การพนันออนไลน์ การทะเลาะทะเลาะวิวาท โดยให้ทุกโรงเรียนเฝ้าระวังและป้องกันการเกิดเหตุ รวมทั้งให้เฝ้าระวัง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีแนวโน้มว่าจะมีการแพร่ระบาดสูงขึ้น ดังนั้น เขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาทุกแห่ง ให้ใช้มาตรการเดิมที่เคยใช้และได้ผลมาแล้ว จึงให้โรงเรียนเอาใจใส่และให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยของนักเรียร ครูและบุคลากรทางการศึกษา
สำหรับในเรื่องการสร้างโอกาสทางการเรียนรู้ และสร้างภูมิคุ้มกัน โดยเน้นย้ำให้ทุกโรงเรียนต้องติดตามช่วยเหลือเด็กทุกคนให้ได้กลับมาเรียน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่มีปัญหาเรื่องการดรอปเอาท์ ให้โรงเรียนตามกลับมาให้ได้เรียนทุกคน
การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ได้เน้นย้ำเนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการ โดย มติของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ยกเลิกครูอยู่เวรม และให้อาศัยเครือข่ายต่างๆ ดังนั้น จึงขอให้ผู้บริหารโรงเรียนประสานกับเครือข่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ หรือชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน ให้ช่วยเข้ามาดูแลความเรียบร้อยของโรงเรียนและทรัพย์สินของทางราชการ แทนครู
“ขอเน้นย้ำว่าทุกโรงเรียนต้อง ไม่สั่งให้ครูมาอยู่เวร หรือมาอยู่เวณในลักษณะรักษาการณ์ในสถานที่ราชการ เพราะจะผิดมติ ครม. เพราะมติครม. ก็คือกฎหมายื ดังนั้นเราจึงต้องใช้เครือข่ายพี่น้องประชาชนหรือหน่วยงานอื่นๆช่วยเข้ามาดูแลและให้เขารู้สึกว่าโรงเรียนคือทรัพย์สินของลูกหลาน ที่ทุกคนจะต้องช่วยกันดูแล” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเรียนนั้น ขณะนี้ได้มีการสำรวจข้อมูล ไปถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ก็จะทราบว่าจำนวนนักเรียนเพิ่มหรือลด จากนั้น สพฐ.จะได้เร่งจัดสรรงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายหลายหัวไปให้นักเรียนต่อไป รวมถึงจะทราบจำนวนการโยกย้ายของครู
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวถึงการเตรียมแผนเผชิญเหตุ โดยให้ทุกโรงเรียนต้องเตรียมความพร้อม วันนี้ลูกเปลี่ยนไปไป อุณหภูมิเปลี่ยน อากาศเปลี่ยน จากโลกร้อน เป็นโรคเดือดแล้ว เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ต่างๆจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงได้เน้นย้ำให้ทุกโรงเรียน ดังนั้น นอกจากมีแผนเผชิญเหตุแล้วจะต้องมีการซักซ้อม ยกตัวอย่าง ทุกโรงเรียนมีแผนเผชิญเหตุเรื่องแผ่นดินไหวแล้ว แต่ไม่ได้มีการซักซ้อม ดังนั้น ต่อไปนี้จะต้องมีการซักซ้อมด้วยว่าหากเกิดเหตุแผ่นดินไหว เกิดซึนามิ ไฟไหม้ จะมีวิธีเอาตัวรอดอย่างไร
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า วันนี้ได้เกิดเพลิงไหม้ห้องเก็บของด้านหลังหอประชุมโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก กทม. ขณะเกิดเหตุมีนักเรียน 500 คน กำลังอบรมคคุณธรรม แต่ทางโรงเรียนได้อพยพนักเรียนลงมาได้อย่างปลอดภัย ไม่มีผู้ติดค้างอยู่ภายในอาคาร เจ้าหน้าที่ ปภ.เขตหนองจอก สามารถเข้าไปควบคุมเพลิงไว้ได้ พร้อมมีฝ่ายเทศกิจ ฝ่ายปกครอง มูลนิธิฯอาสากู้ภัย เข้ามาช่วยดูแลสถานการณ์ ขณะนี้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ไม่มีนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว ซึ่งอาคารดังกล่าวไม่ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมระบบไฟฟ้ามาเป็นระยะเวลานาน อาจเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรได้ โดยทางโรงเรียนได้ดำเนินการ สร้างความเข้าใจกับนักเรียน และดูแลให้กำลังใจนักเรียนที่ประสบเหตุ และโรงเรียนได้ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้และประเมินความเสียหายของอาคารต่อไป
“เหตุการณ์นี้ ทางโรงเรียน สามารถอพยพ นักเรียนออกมาได้ทั้งหมด ก่อนที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยดับเพลิงได้อย่างเรียบร้อย เพราะทางโรงเรียนมีแผนเผชิญเหตุและได้มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุไว้เป็นอย่างดี และก่อนนี้ สพฐ.ก็ได้เน้นย้ำไปแล้วว่า ทุกโรงเรียนจะต้องมีแผนเผชิญเหตุ และให้มีการซักซ้อมด้วย พร้อมเน้นย้ำว่าความปลอดภัยของนักเรียนและครูต้องมาเป็นอันดับ1“
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวอีกว่า ได้เน้นย้ำเรื่องการประชาสัมพันธ์งานมหกรรมการศึกษาไทย-จีน เนื่องจากปีนี้มีกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ จะร่วมกับสถานทูตจีน จัดงานในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ณ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. - 16.30 น. โดยจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การแสดงไทย-จีน ปาฐกถาพิเศษ โดยเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน การเสวนาด้านการศึกษา โดย สพฐ.จะไปร่วมเวทีเสวนา “ทิศทางการศึกษาไทย-จีน เพื่อการส่งเสริมการมีงานทำ” , ”การเรียนการสอนภาษาจีน : ความสำเร็จและความท้าทาย“ , ”การนำเสนอแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ(Best Practice) การพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีน“
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวด้วยว่าเมื่อเร็วๆนี้พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. ได้เดินทางไปเข้าร่วมประชุมระดับโลกด้านการศึกษาดิจิทัล ประจำปี 2568 World Digital Education conference) ที่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจีนเป็นเจ้าภาพื โดยจีนได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจากทุกประเทศทั่วโลก มาร่วมประชุมเพื่อการจัดการการศึกษาดิจิทัล ซึ่งประเทศจีนมีความก้าวล้ำในเรื่องการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ AI เพื่อการจัดการการศึกษา จะเห็นได้ว่าประเทศจีนได้เริ่มใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ AI เพื่อการจัดการการศึกษาตั้งแต่ ระดับอนุบาล ระดับประถม และระดับมัธยม และในสถานศึกษาใช้สมาร์ทคลาสรูมเกือบทุกโรงเรียนแล้ว ดังนั้นเด็กเครื่องจะเข้าถึง AI เข้าถึงเทคโนโลยีได้ค่อนข้างดีมาก
“เท่าที่เราไปเห็นก็ พบว่าเทคโนโลยีเทคโนโลยีดิจิทัล จะช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้ดี ก็เป็นแนวคิด เป็นแนวทาง ที่จะทำให้ประเทศไทยเราจะต้องเร่งพัฒนาเรื่องของ AI กับการเรียนการสอนให้มีคุณภาพมากขึ้น”
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า สำหรับนโยบายเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา Anywhere Anytime ตามนโยบายของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. นั้น สพฐ.ยังยืนยันตามแผนว่า ในเทอม 2 ปีการศึกษา 2568 นี้ สพฐ. จะเริ่มโครงการ เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา Anywhere Anytime ขณะนี้ สพฐ.ได้ดำเนินการอยู่ในขั้นประชาพิจารณ์ และบางเรื่องประชาพิจารณ์เสร็จแล้ว และอยู่ในขั้นการจัดหา จัดซื้อ จัดจ้าง หรือเช่า ส่วนโครงการที่ประชาพิจารณ์แล้วยังมีข้อท้วงติง สพฐ.ก็ได้นำมาปรับและทำประชาพิจารณ์ใหม่ ดังนั้น สพฐ.ยืนยันว่า ตามแผนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2568 นี้ทุกอย่างต้องเรียบร้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี