ทำภาพลักษณ์เสื่อม! ‘โชเฟอร์รถทัวร์แสบ’ ฉกบัตรนักท่องเที่ยวสาว-สูญ 2.8 แสน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.นฤวัต พุทธโร ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมกับตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เข้าจับกุมตัวนายชาญณรงค์ อายุ 34 ปี อาชีพพนักงานขับรถทัวร์บริการนักท่องเที่ยว หลังจากรับแจ้งจากนางสาวคริสติน่า นักท่องเที่ยวชาวโรมาเนีย ว่าบัตรเครดิตของตนได้สูญหายระหว่างเดินทางจากเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปยังจังหวัดภูเก็ต รู้ตัวอีกที่ถูกนำบัตรเครดิตไปกดเงินสดสูญเงิน 280,000 บาท เรื่องดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย

เหตุการณ์ดังกล่าว พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.นฤวัต พุทธโร ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี เร่งติดตามตัวคนร้ายที่ทำให้ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวเสียหาย จากสืบสวนทราบว่ามีการนำบัตรใบดังกล่าวกดเงินสดจากตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทยในจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.นฤวัต พุทธโร ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงร่วมกับตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เร่งสืบสวนหาเบาะแสผู้กระทำผิด

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบตัวผู้ต้องสงสัยคือ นายชาญณรงค์ อายุ 34 ปีอาชีพพนักงานขับรถทัวร์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งใช้รถยนต์สีขาว ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียนสุราษฎร์ธานี ได้ขับรถคันดังกล่าวตระเวนกดเงินสดจากตู้ ATM ในพื้นที่เมืองสุราษฎร์ธานี รวม 14 ครั้ง เป็นจำนวนเงินรวม 280,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมหลักฐาน และขอหมายค้นศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายชาญณรงค์ ที่ถนนตลาดใหม่ ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่สามารถยึดเงินสดจำนวน 280,000 บาทพร้อมเสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาใช้ในวันก่อเหตุได้ครบถ้วน เจ้าหน้าที่ได้สอบถามซึ่งนายชาญณรงค์อ้างว่าพบบัตรเครดิตตกอยู่บนรถบัส และพบว่ามีรหัสติดอยู่กับบัตร จึงได้นำไปทดลองกด และเมื่อปรากฏว่าใช้ได้ จึงได้ตะเวนกดเงินสดจากบัตรดังกล่าว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ลักทรัพย์, เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด ซึ่งเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สาคู จังหวัดภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ///-026