วันพฤหัสบดี ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ช็อกซ้ำ! หญิงคนสนิท'สมีแย้ม' เงินหมุนอื้อ 2,000 ล้าน เอี่ยวเว็บพนัน

ช็อกซ้ำ! หญิงคนสนิท'สมีแย้ม' เงินหมุนอื้อ 2,000 ล้าน เอี่ยวเว็บพนัน

วันพฤหัสบดี ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 14.08 น.
Tag : เจ้าคุณแย้ม โบรกเกอร์เว็บพนัน เอาวาสวัดไร่ขิง วัดไร่ขิง ทิดแย้ม อดีตเจ้าคุณแย้ม
  •  

เปิดคลิปเสียง "สีกาเก็น" ไถเงิน "ทิดแย้ม" โอดหมดตัวแล้ว เผยเจ้าตัวรู้อยู่แก่ใจสีกาขอเงินเล่นพนัน หลักฐานชัดมัดตัวดิ้นไม่หลุด แฉเส้นเงินหมุนเวียนบัญชีกว่า 2 พันล้าน ด้าน "บิ๊กเต่า" รับ "บอสเตย" พร้อมสามี เผ่นออกจากวัดแล้ว 

วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 เวลา 11.00 น. วันที่ 22 พ.ค. ที่ ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 บก.ปปป. พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. นายบุญเชิด กิตติธรางกูล รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายคณพศ หงสาวรางกูล ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน(สตภ.3) นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผอ.กองกฎหมาย รองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ร่วมกันแถลงผลความคืบหน้าคดีอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยักยอกเงินวัด 


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า 7 วันที่ผ่านมาสำหรับคดีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้ลงพื้นที่ และเก็บข้อมูลรายละเอียดมาได้เพิ่มเติม ขณะนี้มุ่งเน้นไปที่การหยุดยั้งการกระทำความผิดและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัด โดยจะต้องแยกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องบุคคล ไม่ใช่ส่วนรวม ซึ่งการสืบสวนมีทั้งการส่งคนไปสอดแนมเก็บข้อมูลรวบรวมหลักฐาน และการสืบสวนทางเทคโนโลยี จนสามารถได้ข้อมูลมา

พ.ต.อ.ภัทราวุธ กล่าวถึงที่ไปที่มาของคดีดังกล่าวว่า มีผู้ร้องเรียนถึงเรื่องดังกล่าวเข้ามา ทางผู้บังคับบัญชา จึงสั่งการให้ กก.5 บก.ป. เร่งตรวจสอบ พร้อมกำชับว่าให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา หากพบว่ามีความผิดก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่หากไม่มีมูลก็ต้องชี้แจงให้เกิดความเป็นธรรม โดยไม่มีการกลั่นแกล้ง หรือใส่ร้ายใคร ก่อนจะมีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งในเบื้องต้น มีเจ้าหน้าที่รวม 6 นาย แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.ชุดวิเคราะห์ข้อมูลการเงิน เนื่องจากลักษณะคดีเกี่ยวข้องกับการเงิน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด ทั้งบัญชีวัด การใช้จ่าย และการโยกย้ายเงินต่าง ๆ เพื่อหาข้อพิรุธ 2.ชุดลงพื้นที่สืบสวนภาคสนามโดยมีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ภายในวัด เพื่อรวบรวมข้อมูล สืบหาผู้เกี่ยวข้อง และตรวจสอบพฤติกรรม ตลอดจนความเชื่อมโยงของบุคคลต่าง ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการใช้เงินวัดในลักษณะที่ไม่เหมาะสม โดยหลังจากการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด พบว่ามีความน่าเชื่อถือว่า อดีตเจ้าอาวาสมีการยักยอกเงินของวัดไปใช้ในทางส่วนตัว โดยมีทั้งการนำเงินไปให้บุคคลอื่นในวัดใช้ และนำไปใช้ในกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การเล่นการพนัน

ด้าน พ.ต.อ.จำนาญ ระบุว่า หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบการตรวจสอบบัญชีย้อนหลังตั้งแต่ ปี 64 มีเงินหมุนเวียนกว่า 300 ล้านบาท ล่าสุดมีการขยายผลตรวจบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องทั้งของวัดและมูลนิธิจำนวน 51 บัญชี และ บัญชีส่วนตัวของทิดแย้มอีก 21 บัญชี น.ส.อรัญญาวรรณอีก 12 บัญชี โดยมุ่งเน้นไปที่เงินหมุนเวียนของ น.ส.อรัญญาวรรณ ที่เป็นผู้รับผลประโยชน์ โดยพบว่าตั้งแต่ปี 59 ตรวจเจอบัญชีมีเงินหมุนเวียนทั้งหมดกว่า 2,000 ล้านบาท โดยพบว่ามีช่องทางการรับเงิน 4 ช่องทาง ประกอบด้วย 1.เป็นการฝากเงินสดเข้าบัญชี 2.รับโอนเงินจากอดีตเจ้าอาวาสโดยตรง 3.โอนเงินจากพระเอกพจน์ คนสนิทของ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ4.รับโอนเงินจากนายชัชชัย 

พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวว่า บัญชีวัดพบความผิดปกติหลายรายการ น่าจะเป็นการทำบัญชีไม่โปร่งใสยกตัวอย่างเช่น การเปิดเช่าร้านค้างานประจำปี ซึ่งหนึ่งปีจะมีรายได้ประมาณ 30 ล้านบาท โดยเดิมทีมีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารวัด แต่หลังจากปี 63 เป็นต้นมา กลับเป็นการนำเงินสดไปมอบให้กับเจ้าอาวาสในกุฏิแทน ยอดรวมเบื้องต้นทราบว่าประมาณ 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบเงินจากกฐินเข้าบัญชีเจ้าอาวาสอีก 20 ล้านบาท และยังมีเงินจากวัตถุมงคล ซึ่งยังไม่ระบุจำนวนแน่ชัด จากการตรวจสอบพบผู้เกี่ยวข้อง 2 คน ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน โดยที่มาที่ไปในการเปิดร้านค้าสวัสดิการ เป็นที่น่าสงสัย ซึ่ง ป.ป.ท. จะต้องไปตรวจสอบในเชิงลึกและติดตามทรัพย์สินต่อไป

ขณะที่ นายสุทธิศักดิ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้น ปปง. ต้องพิจารณาว่าการกระทำของอดีตเจ้าอาวาสเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายในฐานใด โดยในกรณีนี้เจ้าอาวาสถือเป็น “เจ้าพนักงาน” ตามประมวลกฎหมายอาญา และหากพบว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับการนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัว ก็จะเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน

นายสุทธิศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อเข้าเกณฑ์ความผิดมูลฐานแล้ว หน้าที่ของ ปปง. คือการตรวจสอบทรัพย์สินและดำเนินการอายัดหรือยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง โดย ปปง. ได้เข้าตรวจสอบข้อมูลจากฐานข้อมูลที่ บก.ปปป. และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ได้แก่ ทิดแย้มและผู้มีความเกี่ยวพันอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีการตรวจพบธุรกรรมทางการเงินจำนวนมากซึ่งมีความผิดปกติ จึงนำหลักฐานดังกล่าวส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนต่อ เพื่อหาว่าใครเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนี้บ้าง ขณะนี้ ปปง. ได้เริ่มขยายผลการตรวจสอบเป็น 3 วงด้วยกัน ได้แก่ วงที่ 1 ผู้กระทำความผิดโดยตรง วงที่ 2 และ 3 ผู้ที่มีความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องสัมพันธ์ ซึ่งอาจครอบคลุมถึงบุคคลภายนอกหรือเครือข่ายที่รับผลประโยชน์ โดยหน้าที่ของ ปปง. จะเน้นในด้านการตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ และการวิเคราะห์ข้อมูลจากสถาบันทางการเงิน ที่มีการรายงานธุรกรรมเข้ามา

ด้านนายบุญเชิด เปิดเผยว่า วัดทั่วประเทศกว่า 40,000 แห่ง ในปัจจุบันมีการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นบัญชีในรูปแบบพื้นฐานที่มีมาตรฐาน ตัวอย่างจากวัดนำร่อง 75 แห่ง ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้จัดทำไว้เป็นต้นแบบ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นล่าสุด ทำให้เกิดการทบทวนระบบการบริหารจัดการวัดอย่างจริงจัง โดยสมเด็จพระสังฆราชได้มีพระลิขิตมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อขอให้พิจารณาแนวทางในการนำเสนอข้อปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งแสดงถึงความห่วงใยของพระองค์ท่านต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุมของมหาเถรสมาคม และมีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างระบบบริหารจัดการวัดให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น โดยเสนอเป็นแนวทางปฏิบัติ 4 ข้อหลัก ดังนี้ 1.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการสาธารณสมบัติของวัด โดยมีประธานกรรมการฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคมเป็นประธานอนุกรรมการ ทำหน้าที่วางแนวทางและข้อเสนอเชิงนโยบาย 2.ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและการคลัง อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อร่วมกันกำหนดกฎเกณฑ์ และกระบวนการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด ก่อนเสนอต่อมหาเถรสมาคมเพื่อประกาศเป็นข้อบังคับใช้ทั่วประเทศ 3.จัดทำบัญชีวัดให้ได้มาตรฐานตามหลักกฎหมายและธรรมาภิบาล โดยกำหนดนโยบายให้การจัดทำบัญชีมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นระบบที่ได้มาตรฐาน 4.ส่งเสริมการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการรับบริจาคและทำบัญชีวัด เพื่อให้ข้อมูลด้านการเงินสามารถตรวจสอบได้สะดวก และสอดคล้องกับข้อกำหนดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมสรรพากร

สำหรับประเด็นสุดท้าย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปในครั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะจัดตั้งกองส่งเสริมการจัดการสาธารณสมบัติของวัด ควบคู่กับ กองกฎหมาย และ กองกิจการในตำรวจสังฆราช ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มิถุนายน 2568 โดยทั้ง 3 กองนี้จะมีภารกิจตามกฎหมายอย่างชัดเจน และมีโครงสร้างรองรับในการแก้ไขปัญหาการจัดการทรัพย์สินวัดในเชิงลึก // นายบุญเชิดยังกล่าวย้ำว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไม่ใช่ภาพสะท้อนของคณะสงฆ์หรือวัดโดยรวม พร้อมยืนยันว่าวัดยังคงเป็นสมบัติของชุมชนและของแผ่นดิน เช่นกรณีวัดไร่ขิงก็ยังต้องเดินหน้าต่อในฐานะศูนย์กลางจิตใจของประชาชน พร้อมขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยกันดูแลรักษาวัดให้คงอยู่เป็นสมบัติของชาติต่อไป

โดยขณะการแถลงข่าวนั้น ได้มีการเปิดไฟล์คลิปเสียงระหว่าง ทิดแย้ม กับนางสาวอรัญญาวรรณ พูดคุยกัน ซึ่งทางพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ระบุว่า ในคลิปมีการพูดถึงเรื่องต้องโอนเงินเข้าระบบการเล่นการพนัน ที่ค้าง 4 งวด เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาทโดยเข้าใจได้ว่าเป็นทางทิดแย้มโอนเงินให้ทางนางสาวอรัญญาวรรณไปเล่นการพนัน และจากข้อมูลโทรศัพท์ของทิดแย้ม ยังไม่พบความสัมพันธ์จากตัวทิดแย้มในการเล่นพนัน แต่ทิดแย้ม ทราบว่านางสาวอรัญญาวรรณเล่นการพนัน 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตามข้อมูล น.ส.อรัญญาวรรณ เป็นเด็กข้างวัด  เรียนอยู่ที่วัดไร่ขิง ตอนอยู่มัธยมต้นมาทำกิจกรรมจิตอาสาที่วัด หลังจากนั้นก็ออกไปทำงานปรากฏว่าค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ จึงไปขอร้องหยิบยืมทิดแย้ม  เพราะทิดแย้มเคยพูดว่าเป็นเด็กวัดไร่ขิง มีแหวนวัดไร่ขิง ถ้ามีปัญหาอะไรให้มาพบหลวงพ่อได้ น.ส.อรัญญาวรรณจึงมายืมเงินทิดแย้ม 50,000 - 60,000 บาท ทางด้านทิดแย้มก็ช่วยเหลือไป หลังจากนั้นก็เริ่มติดต่อสัมพันธ์พูดคุยกันทุกวัน และมีการโอนเงินให้เล็กๆน้อยๆ จากนั้นก็เริ่มมีการแลกเปลี่ยนกัน แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งถึงขั้นมีการพูดคุยโชว์หน้ากัน และเริ่มเซ็กส์โฟน ทำให้เงินของวัดเริ่มไหลออกจากบัญชีวัดเรื่อยๆ 

ทั้งนี้ในช่วงแรกยังยืนยันไม่ได้ว่าทิดแย้มกับ น.ส.อรัญญาวรรณ มีความสัมพันธ์กันหรือไม่ แต่ตรวจสอบได้ว่าในช่วงที่เริ่มมีเงินไหลออกจากบัญชี มีการติดต่อสัมพันธ์พูดคุยกันในช่วงนั้น ซึ่งเป็นช่วงปี 63 - ปลายปี 67 (ช่วงหวาน ปี 63 , ช่วงขมปลายปี 67 ) และในคลิปเสียงคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปลาย ปี 67 โดยโต้แย้งกันเรื่องของเงินที่จะไปเล่นการพนัน ซึ่งทิดแย้มหมดทางที่จะไปต่อ เงินวัดร่อยหรอ และไม่รู้จะไปยืมเงินใคร มิดแย้มจึงรู้ตัวว่าไม่ไหวแล้ว ต่อมาอีก 2 เดือน ประมาณเดือนธันวาคม 67 น.ส.อรัญญาวรรณ และสามีก็ถูกตำรวจไซเบอร์จับกุม และได้ไปขอความช่วยเหลือจากทางทิดแย้มอีกครั้ง โดยได้พูดกับทิดแย้มว่าคลิปต่างๆที่มีอยู่รวมถึงคลิปเซ็กส์โฟน ก็ถูกเจ้าหน้าที่ของตำรวจไซเบอร์ยึดไป เพื่อแบล็กเมล์ทิดแย้มให้ช่วยเหลือ 

ส่วนจะเข้าข่ายการรีดทรัพย์ทิดแย้มหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า เรื่องนี้มองเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรกคือการทุจริต ส่วนเรื่องที่สองคืออุบายการเเบล็กเมล์ อย่างไรก็ตามทิดแย้ม ได้กระทำผิดสำเร็จแล้ว จึงยืนยันว่าไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลหลักฐาน

ส่วนกรณีหมอเตยและสามีเป็นเรื่องที่ตรวจสอบรายละเอียดลึกลงไป พบว่าทั้งคู่ได้เข้ามารู้จักกับเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี 51 โดยพบว่าหมอเตยเป็นหมอดูร่างทรงไม่ใช่หมอ และยังพบว่าเป็นผู้มีอิทธิพลกับทิดแย้มอย่างมากในการบริหารจัดการภายในวัด   โดยสิ่งที่พบคือร้านค้าสวัสดิการในวัด มีคนมาร้องว่าไปซื้อกาแฟ แต่บัญชีในการสแกนไม่ใช่ชื่อของวัดแต่เป็นชื่อของบุคคล ซึ่งก็จะต้องสืบสวนดำเนินการต่อ โดยจากการสืบสวนเบื้องต้นข้อมูลที่ได้มาพบว่าหมอเตยเคยเขียนหนังสือความเชื่อมโยงการเกิด แก่เมื่อชาติปางก่อน ว่าทิดแย้มกับหมอเตยมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ซึ่งข้อมูลนี้เป็นการสอบถามข้อมูลจากคนใกล้ชิด แต่ยังหาพยานหลักฐานไม่ได้ว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันหรือไม่ โดยยังพบว่าในช่วงแรกทางทิดแย้มมีการดุด่าว่ากล่าวหมอเตย แต่ช่วงหลังมีการเปลี่ยนไปไม่ฟังเสียงคนอื่น นอกจากนี้ยังพบอีกว่าตั้งแต่ปี 51 มีผู้ชาย 5 คนเข้ามาเกี่ยวข้องกับหมอเตยอีกเช่นกัน  แต่ยังไม่ทราบตอนนี้ว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแค่ไหน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเรียกทั้ง 5 คนมาให้ปากคำ

พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยจากการตรวจสอบพบวงแรก ตรวจเจอประมาณเกือบ 10 คนที่เกี่ยวข้องเป็นคนใกล้ชิดกับทิดแย้ม โดยรวมถึงนางสาวอรัญญาวรรณ และพระท่านอื่นๆด้วย อีกทั้งยังพบการฝากถอนเฉพาะบัญชีเดียว(บัญชีวัด) 20,000 รายการ และยังมีการนำเงินไปซื้อที่ดินอ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อีกหลายแปลง โดยใช้ชื่อของ น.ส.อรัญญาวรรณ เป็นผู้ถือครอง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เผยคลิปเสียง\'หญิงคนสนิท\'ไถเงิน\'สมีแย้ม\' ชัด! รู้แก่ใจสีกาขอเงินเล่นพนัน เผยคลิปเสียง'หญิงคนสนิท'ไถเงิน'สมีแย้ม' ชัด! รู้แก่ใจสีกาขอเงินเล่นพนัน
  • ฉาวอีก!!! เร่งตรวจสอบ 2 บัญชีวัดไร่ขิงไม่ได้สนับสนุนเงินให้ รพ.3 ปีแล้วแต่ยังตั้งตู้รับบริจาค ฉาวอีก!!! เร่งตรวจสอบ 2 บัญชีวัดไร่ขิงไม่ได้สนับสนุนเงินให้ รพ.3 ปีแล้วแต่ยังตั้งตู้รับบริจาค
  • \'ใบเฟิร์น สุทธิยา\'โร่แจ้งความ ถูกนำรูปโยงเป็นสีกาคนสนิท\'สมีแย้ม\' 'ใบเฟิร์น สุทธิยา'โร่แจ้งความ ถูกนำรูปโยงเป็นสีกาคนสนิท'สมีแย้ม'
  • ค้นวัดไร่ขิงรอบ2 สอบ10ปาก/มี6บัญชีต้องสงสัย ค้นวัดไร่ขิงรอบ2 สอบ10ปาก/มี6บัญชีต้องสงสัย
  • รับสารภาพแค่บางส่วน! \'บิ๊กเต่า\'สอบแล้ว 10 ปากปมวัดไร่ขิง ยัน\'สมีแย้ม\'มอบตัวก่อนไม่มีผล รับสารภาพแค่บางส่วน! 'บิ๊กเต่า'สอบแล้ว 10 ปากปมวัดไร่ขิง ยัน'สมีแย้ม'มอบตัวก่อนไม่มีผล
  • ‘ชูศักดิ์’มอบ ผอ.พศ. คุย มส. หามาตรการป้องกันหลังเกิดกรณีวัดไร่ขิง ‘ชูศักดิ์’มอบ ผอ.พศ. คุย มส. หามาตรการป้องกันหลังเกิดกรณีวัดไร่ขิง
  •  

Breaking News

ทำผิดต้องชดใช้! ‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’แนะจับตารอ 13 มิ.ย.มีข่าวดีแน่นอน

‘ดร.หิมาลัย’เผย‘มูลนิธิพระราหู’ เผยแพร่สารคดีชุด‘นักเรียนดี เยาวชนต้นแบบ’ สร้างแรงบันดาลใจแก่นักเรียน-เยาวชน

'DSI'ยันคดี'ฮั้ว สว.' ทำตามพยานหลักฐาน-ยึดกรอบกฎหมาย

'อิ๊งค์'ชูร้านอาหารไทย ทูตวัฒนธรรมในต่างแดน ดัน Thai SELECT โปรโมทอาหารไทยทุกมุมโลก

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved