สส.ระยอง เขต 3 เข้าพบผู้ว่าฯ จี้ปัญหาการตรวจพบมีขบวนการนำทุเรียนเวียดนามมาสวมทุเรียนไทยเพื่อส่งออกไปจีน ด้าน ผวจ.ระยอง สั่งหน่วยงาน เร่งขอเอกสารสำแดงนำเข้าส่งออกมาตรวจสอบ หลังสงสัยอาจมีการนำทุเรียนผ่านไทย เพื่อให้ได้ราคา
วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงศธร ศรเพชรนรินท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง เขต 3 เข้าพบ พล.ต.ต. ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จว.ระยอง ติดตาม กรณีการลักลอบนำทุเรียนจากเวียดนามมาสวมทุเรียนไทย ก่อนส่งออกไปยังประเทศจีน โดยนายพงศธร เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลจึงได้เข้าแจ้งความ ไว้ที่ สภ.กร่ำ อ.แกลง เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จว.ระยอง ผบก.จว.ระยอง กล่าวว่า ทราบว่า ทาง สส.ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.กร่ำท้องที่เกิดเหตุแล้ว แต่ที่สำคัญพยานหลักฐานของกลางที่เป็นรถตู้คอนเทนเนอร์ เป็นเพียงคำที่ทาง สส.กล่าวอ้าง ซึ่งจะไปสอบสวนหาเพิ่มเติม เบื้องต้นได้กำชับไปยังพนักงานสอบสวน สภ.บ้านกร่ำแล้ว ให้เร่งสอบสวนตามพยานหลักฐานทั้งหมดให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด
ด้านนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส.ระยอง เปิดเผยว่า เบื้องต้นตนไปแจ้งความดำเนินคดี ม.271 เป็นการหลอกลวงซึ่งถิ่นกำเนิดของสินค้า ซึ่งเป็นคดีอาญาถ้าเกิดสอบสวนได้ว่าเป็นการสวมสิทธิทุเรียน ซึ่งในวันนี้ตนได้นำเบาะแสเพิ่มเติมมามอบให้ทาง ผบก.ภ.จว.ระยอง เพื่อกำชับ และส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปช่วยทางท้องที่รับผิดชอบที่เกิดเหตุในการสอบสวบดำเนินคดี
ต่อมานายพงศธร ได้เดินทางเข้าพบนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง น.ส.สลารีวรรณ ทีพทวี รอง ผวจ.ระยอง น.ส.วรนุช สีแดง เกษตรจังหวัดระยอง นายธนโชค พงษ์ชวลิต เกษตรและสหกรณ์จังหวัดระยอง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง โดยได้ยื่นหนังสือ เพื่อให้ ผวจ.ระยอง กำชับทุกหน่วยงานให้หาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้ หลังมีข้อสังเกตและจับพิรุธอยู่หลายเรื่องนี้ คือ 1.ตั้งแต่แรกที่ไป ไม่เอกสารยืนยันว่ามีการนำเข้าอย่างถูกต้องหรือไม่ แต่ตอนหลังมี ทั้งแรกขอดูตอนแรกไม่มี 2.มีรถตู้คอนเทรนเนอร์บรรทุกทุเรียน 2 คัน และเป็นรถตู้คอนเทนเนอร์เปล่า 1 คัน ซึ่งตอนแรกไม่มีใครให้ข้อมูลว่ามาทำอะไร ก่อนที่จะซักไซร้คนขับรถ จนได้รับคำตอบว่าเถ้าแก่ให้มาขนทุเรียนไปส่งท่าเรือแหลมฉบัง จึงตั้งข้อสังเกตว่า รถมาจอดเพื่อขนถ่ายทุเรียนมารีแพ็กทุเรียนเวียดนามเป็นทุเรียนไทยหรือไม่ เพราะว่า
จากการตรวจสอบวงปิดได้ภาพสติ๊กเกอร์ภาษาจีนในที่เกิดเหตุ ที่ระบุเป็นทุเรียนไทยแกะเนื้อเพื่อการส่งออกไปจีน ตรวจุดเกิดเหตุจุดแรกไม่มีทุเรียนไทยอยู่ในนั้นเลย ซึ่งมันไม่ใช่โรงงาน แต่มันเป็นโกดัง
อย่างไรก็ตามในส่วนของความเสียหายแก่ทุเรียนไทย เสียหายแน่นอนหากสวมสิทธิทุเรียนไทย ซึ่งก็ต้องไปตรวจสอบการรีแพ็กมีจริงหรือไม่ ถ้ามีจริงจะส่งผลเสียหายกับทุเรียนไทย คือ 1. ทุเรียนเวียดนามถูกตรวจสอบพบสาร BY2 และแคดเมียม ถูกส่งห้ามนำเข้าจีน และ 2.การเอาทุเรียนเวียดนามมาสวมสิทธิทุเรียนไทยส่งผลกระทบเรื่องราคาถูก ซึ่งทุเรียนไทยประสบอยู่ในขณะนี้
นายไตรภพ เปิดเผยว่า เบื้องต้น สส.ได้มาร้องว่า มีข้อสงสัยว่าบริษัทดังกล่าว เกี่ยวกับการนำทุเรียนเวียดนามเข้ามา เพื่อส่งออกไปจีนหลายประการ เบื้องต้นได้สั่งการให้เกษตรจังหวัดระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายปกครองอำเภอแกลง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปตรวจสอบโดยเฉพาะนำทุเรียนที่ตรวจยึดไว้ได้ในรถตู้คอนเทนเนอร์ทั้ง 2 คัน มาตรวจหาสารแคดเมียม และสาร BY2 หรือไม่ และตรวจสอบเอกสารการนำเข้ามาของทุเรียนว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และส่งไปปลายทางอย่างไร ได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวขอเอกสารสำแดงศุลกากรนำเข้า และส่งออกมาทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะมีการเร่งสรุป และจะดำเนินคดีทุกกระทงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งก็จะวางมาตรการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น และเสนอกระทรวงเกษตร วางมาตรการหลังมีการอนุญาตให้มีการนำทุเรียนต่างชาติเข้ามาเป็นการกีดกันทุเรียนของเกษตรกรไทย
ส่วนข้อสงสัยของบริษัทดังกล่าว ที่มีการนำทุเรียนเวียดนามเข้ามาก่อนส่งไปจีนนั้น แทนที่จะส่งจากเวียดนามไปจีนเลย จะทำให้ประหยัดต้นทุน ซึ่งในเรื่องนี้เป็นที่สงสัยอย่างยิ่ง เพราะเส้นทางจากเวียดนามไปจีนค่าขนส่งถูกกว่ามาไทยแล้วไปจีน โดยตั้งข้อสันนิษฐานว่าทุเรียนไทย โดยเฉพาะระยอง จันทบุรี และตราดมีชื่อเสียง มีคุณภาพ เป็นไปได้ที่จะเอามาประเทศไทยผ่านไปจีน เพื่อให้ได้ราคา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี