‘หมอเหยา’ ตำนานที่ถูกลืม ส.วัฒนธรรมนครพนม ชวนร่วมอนุรักษ์ชูเป็น ‘Soft Power’ ส่งสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชั้นสองหอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถนนอภิบาลบัญชา เขตเทศบาลเมืองนครพนม นายคมสิน ศรีมานะศักดิ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครพนม ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครพนม จัดเสวนาเวทีชาวบ้าน ในหัวข้อ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ‘ชาติพันธุ์...พิธีกรรม..ซอฟเพาวเวอร์นครพนม’ โดยมีกลุ่มชาติพันธุ์ 9 ชนเผ่า ได้แก่ ได้แก่ 1.ไทญ้อ 2.ผู้ไทย 3.ไทแสก 4.ไทยอีสาน 5.ไทโส้ 6.กะเลิง 7.ไทยข่า 8.ไทยกวน 9.ไทตาด และ 2 เชื้อชาติ คือ 1.คนไทยเชื้อสายจีน 2.คนไทยเชื้อสายเวียดนาม
โดยมีปราชญ์ชาวบ้าน เช่น พระครูวิมลจิตตานุรักษ์ หรือพระอาจารย์น้อย อายุ 58 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าหนองกุง ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม นายอรรถสิทธิ์ คันคาย ทรัพยสิทธิ์ อดีต สส.นครพนม 7 สมัย นายนิวัติ โรจนาพงษ์ นักวัฒนธรรมอาวุโส/นักแต่งเพลง นายวันชัย นักบุญ และเครือข่ายวัฒนธรรมฯ จาก 12 อำเภอใน จ.นครพนม
โดยเสวนาในหัวข้อเรื่องพิธีเหยา ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมในพื้นที่ภาคอีสานที่นับถือผี สืบทอดเป็นมรดกทางภูมิปัญญาชาวบ้านกว่า 1,000 ปี นิยมทำกันในทุกชาติพันธุ์ เป็นการทำพิธีเพื่อติดต่อระหว่างคนกับผี เพื่อให้ผีช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อน รวมทั้งการเจ็บไข้ได้ป่วย เนื่องจากในบรรพกาลไม่มีโรงพยาบาล การเจ็บป่วยจึงเชื่อว่าเป็นการกระทำของผี จึงต้องทำการเหยาเพื่อแก้ผี โดยมีหมอเหยาเป็นผู้ติดต่อสื่อสารกับดวงวิญญาณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้หมอเหยาเป็นภาษาผู้ไทย หมายถึงผู้ทำพิธีรักษาผู้ป่วยด้วยโรคภัยต่างๆ แม้ปัจจุบันการแพทย์แผนใหม่ สามารถวินิจฉัยโรคได้ แต่โรคบางโรคหรืออาการบางอย่างรักษาไม่หาย ผู้ป่วยก็จะหันมาพึ่งหมอเหยา ถือเป็นพิธีกรรมที่สร้างขวัญ และกำลังใจกับผู้ป่วยเป็นหลัก
ในปัจจุบันนี้การสืบทอดการเป็นหมอเหยานั้น ได้เลือนหายไปจากสังคมของกลุ่มชาติพันธุ์ไปแล้ว เหลือแต่หมอเหยาที่เป็นผู้อาวุโสของหมู่บ้านเท่านั้น และการประกอบพิธีกรรมยังเหลือให้เห็นเพียงแค่บางชุมชนเท่านั้น เนื่องจากสังคมสมัยใหม่ ได้เขามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมประเพณีบางอย่างไป ทั้งนี้ การเหยาเป็นการติดต่อระหว่างคนกับผีตามความเชื่อแต่โบราณ ซึ่งการสื่อสารจะใช้ท่วงทำนองของดนตรีประเภทแคนเป่าเพื่อให้จังหวะ และหมอเหยาจะร้องเป็นกลอนลำ เรียกว่าการเหยา
สอบถาม คุณสายรุ้ง อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นหมอเหยาอยู่ ต.นาคู่ อ.นาแก จ.นครพนม เปิดเผยว่า ได้รับมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ ตั้งแต่อายุได้เพียง 7 ขวบเท่านั้น ส่วนนายพิชชากร แก้วมณีชัย อายุ 27 ปี คน อ.เรณูนคร จ.นครพนม เป็นผู้เป่าทำนองคนตรีประกอบ ก็เป่าแคนในพิธีกรรมเหยาตอนอายุได้ 17 ปี โดยจะมีการเชิญไปเหยาในพิธีกรรมต่างๆ นอกจากการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เช่น ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน หรือลูกหลานจะเดินทางไปทำงานต่างถิ่น ฯลฯ
โดย นายคมสิน ศรีมานะศักดิ์ ประธานสภาวัฒนธรรม จ.นครพนม เปิดเผยว่าการเสวนาเวทีชาวบ้านในครั้งนี้ ภายใต้กรอบแนวคิดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของ จ.นครพนม คือ ‘ชาติพันธุ์ พิธีกรรม ซอฟเพาเวอร์’ สืบเนื่องมาจากนครพนมมี 9 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ โดยทางสภาวัฒนธรรมฯก็คิดหาแนวทางที่จะรวบรวม เก็บข้อมูลจากชาติพันธุ์ต่างๆที่อยู่ใน จ.นครพนม เพื่อส่งเสริม อนุรักษ์ สืบสาน และต่อยอดสิ่งที่เป็นภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ที่บรรพบุรุษได้สร้างสมสืบสานอนุรักษ์กันมา เพราะฉะนั้นทั้ง 9 ชนเผ่า และ 2 เชื้อชาติ ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่องของวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญา โดยได้รับเกียรติจากผู้อาวุโส หรือปราชญ์ชาวบ้าน ที่มีประสบการณ์มากมาย เกี่ยวกับเรื่องวัฒนธรรมของจังหวัด ซึ่งมาให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในบางสิ่งบางอย่างที่สภาฯเห็นว่า ควรจะมีการอนุรักษ์ สืบสาน ส่งเสริม เป็นซอฟเพาเวอร์ ให้นครพนมเป็นเมืองหลักแห่งการท่องเที่ยว เช่น ประเพณีหมอเหยา ก็มีอยู่หลายชนเผ่า โดยเฉพาะ อ.นาแก ทั้งหมด 12 ตำบล ถือเป็นศูนย์กลางของหมอเหยา ที่มีหมอเหยาอยู่เกือบทุกตำบล มีอะไรน่าสนใจทั้งศาสตร์และศิลป์ ซึ่งสภาวัฒนธรรมฯ ก็อยากมีส่วนร่วมในสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นที่ประจักษ์ รับรู้ และพัฒนาต่อไป ทำอย่างไรให้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม อนุรักษ์ ต่อยอดทางวัฒนธรรม รวมถึงประเพณีอันดีงามของ จ.นครพนม ///-026
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี