เสียงจาก‘บ้านกรวด’! ชาวบ้านวอน‘ไทย-กัมพูชา’ใช้สันติวิธี ผวาเกิดสงคราม
9 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์ ลงพื้นที่บ้านสายโท 5 ใต้ และบ้านสายโท 6 ใต้ ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีพื้นที่อยู่ใกล้ และมีพื้นที่รอยติดต่อกับบริเวณ ด่านพรมแดนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเปิดเป็นจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู กับช่องจุ๊บโกกี อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา
ก่อนหน้านี้ กองทัพภาคที่ 2 โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ลงนามในคำสั่งกองทัพภาคที่ 2 เรื่อง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่รับผิดชอบของกองกําลังสุรนารี ตามคําสั่งกองทัพบก ที่ 8062568 เรื่องการควบคุมการเปิด - ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา โดยให้ปรับเปลี่ยนวันเวลา การเปิด-ปิด จุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี จากเปิดได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ได้ปรับเปลี่ยนเป็น เปิดวันอังคาร-พุธ และวันพฤหัสบดี ระหว่างเวลา 09.00-12.00 น. ซึ่งจะอนุญาตให้คนผ่านเข้าออกไม่เกินตลาดของสองประเทศ
นอกจากนี้ยังมีกรณีเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย โดยกองกำลังสุรนารี ได้มีการเจรจากับฝ่ายทหารของกัมพูชา โดยในเบื้องต้นได้ข้อยุติว่า กองกำลังทหารทั้งสองฝ่าย จะถอยออกจากจุดที่มีการปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 กลับไปยังจุดเดิมที่เคยอยู่เมื่อปี 2567 และฝ่ายกัมพูชาได้ยอมปิดกลบแนวสนามเพลาะป้องกัน เตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ หรือแนวคูเลต ให้กลับคืนสภาพเดิม ซึ่งขณะนี้ทหารของทั้งสองฝ่ายได้ถอยกลับไปยังจุดเดิมแล้ว
จากการลงสำรวจพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ฝั่ง อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านในพื้นที่ใกล้กับแนวชายแดน ต่างรู้สึกดีใจที่จะได้ใช้ชีวิตเดินทางไปไหนมาไหน รวมถึงออกไปทำนา ทำไร่ ทำสวน และจับกลุ่มคุยกันตามปกติ ซึ่งหลังจากมีการเจราจากัน ของทหารฝ่ายไทยกับฝ่ายกัมพูชา ที่จะยอมถอนกำลังออกจากบริเวณพื้นที่ และปิดกลบแนวคูเลตดังเดิม ชาวบ้านต่างรู้สึกดีใจที่สถานการณ์น่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี
จากการสอบถามชาวบ้านพื้นที่ส่วนใหญ่ อยากให้ทั้ง 2 ประเทศ ได้มีการเจราจาพูดคุยกันด้วยสันติวิธี และไม่อยากให้เกิดสงคราม หรือการสู้รบกันเกิดขึ้นของทั้ง 2 ประเทศ เพราะถือเป็นประเทศบ้านพี่เมืองน้อง และอยากจะเห็นประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ได้อยู่ร่วมกันและทำมาค้าขายกันอย่างปกติสุข
นางทองม้วน กล้าหาญ อายุ 66 ปี อยู่บ้านสายโท 6 ใต้ ม.5 ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด กล่าวว่า ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตกันอยู่ตามปกติ ไม่ได้มีความวิตกกังวลอะไร นี่ก็เพิ่งกลับจากไปทำไร่ทำสวนมา และอยากให้ทั้ง 2 ประเทศอยู่ด้วยกันอย่างมิตรที่ดี อยากให้ดีกัน เพื่อที่ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดวิตก
ด้านนางปิ่น สะอิ้งรัมย์ อายุ 72 ปี อยู่บ้านสายโท 6 ใต้ ม.5 ต.จันทบเพชร กล่าวว่า ไม่อยากให้เกิดสงครามเพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กันแบบปกติสุข อยากให้ทั้ง 2 ฝ่าย เจราจาตกลงกันด้วยดี เพื่อประชาชนจะได้ไปมาหาสู่และค้าขายกันตามปกติ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้สึกวิตกกังวลอะไร แต่ก็ไม่ประมาทและก็ได้เตรียมตัวให้พร้อมไว้แล้วเช่นกัน
ขณะที่ น.ส.ชุติกาญจน์ กาญจนสิริวิโรจน์ อายุ 20 ปี ชาวบ้านสายโท 6 ใต้ ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด กล่าวว่า ยังใช้ชีวิตกันตามปกติดี อยากให้มีการเจรจากันตกลงกันด้วยสันติวิธี เพื่อที่ประชาชนทั้ง 2 ประเทศได้ใช้ชีวิตกันตามปกติ
ส่วน นางแสนสุข สุขกิจ อายุ 64 ปี อยู่บ้านหนองดุม สายโท 5 ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด ที่เช้าวันนี้ออกมาใส่ปุ๋ยต้นยางพารากับต้นมันสำปะหลังที่ปลูกไว้ อยู่ห่างจากด่านด่านพรมแดนช่องสายตะกู ประมาณ 2 กิโลเมตร กล่วว่า อยากให้มีการพูดคุยตกลงกันด้วยดี อยู่กันแบบพี่น้อง เพราะทั้ง 2 ประเทศ ก็บ้านใกล้เรือนเคียงกันทั้งนั้น อยากให้ประนีประนอมกัน และไม่อยากให้เกิดสงคราม
นายโรจน์ ธีระสถิตโรจน์ อายุ 58 ปี ชาว อ.บ้านกรวด ที่ได้นำรถไถมาไถปรับพื้นที่เตรียมปลูกแตงโมกับปลูกมันสำปะหลัง บริเวณสวนที่อยู่ไม่ไกลห่างจากด่านพรมแดนช่องสายตะกูประมาณ 500 เมตร กล่าวว่า ทั้ง 2 ประเทศก็ล้วนเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันอยากให้มีการพูดคุยเจรจากัน หาข้อตกลงกันด้วยสันติวิธี ให้ผู้นำทั้ง 2 ประเทศคุยตกลงกัน เพราะชาวบ้านเขาไม่รู้อะไรด้วย //-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี