“10 - 11 ล้านคน” เป็นตัวเลขโดยประมาณของ “เกษตรกรในประเทศไทย” ตามรายงานการสำรวจแรงงานนอกระบบที่จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติและเผยแพร่ทุกปี ซึ่งจำนวนดังกล่าวคิดเป็นกว่า 1 ใน 4 ของคนไทย 37 – 38 ล้านคนที่มีงานทำ ขณะเดียวกัน ผลผลิตทางการเกษตรหลายชนิดก็เป็นสินค้าส่งออกไปขายทั่วโลก นำเงินตราจากต่างแดนเข้ามาเป็นรายได้ให้กับประเทศไทย ซึ่งเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา ทีมงาน นสพ.แนวหน้า มีโอกาสได้พูดคุยกับ เอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) ถึงบทบาทของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย เตรียมความพร้อมให้แข่งขันได้ในเวทีโลก
- ในรอบปีที่ผ่านมา ผลงานเด่นๆ ของกระทรวงเกษตรฯ มีอะไรบ้าง? : ฝุ่น PM2.5 ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯ มีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เป็นหน่วยงานหลักในการแก้ปัญหา จะเห็นว่าหลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรมฝนหลวงฯ ได้จัดหน่วยจัดกองขึ้นเพื่อไขปัญหา PM2.5 เพราะหลักวิชาการว่าสาเหตุหนึ่งคือบรรยากาศเรือนกระจก ฝุ่นละอองไม่สามารถขึ้นไปได้
“กรมฝนหลวงฯ โดยฝ่ายวิชาการ เขาวิจัยวิเคราะห์มาว่าสาเหตุเนื่องจากเรือนกระจกทะลุไม่ได้ จะต้องใช้ความเย็นในการไปทะลุเรือนกระจก กรมฝนหลวงฯ จึงใช้เครื่องบินขึ้นไปโปรยน้ำแข็งแห้งและความเย็นเพื่อเปิดเรือนกระจกตรงนี้ ให้ฝุ่นละออกขึ้นไปข้างบน เราแก้ปัญหาทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคเหนือ ก็ได้ผล นอกจากนั้น วันที่ 17 ม.ค. 2568 กระทรวงเกษตรฯ ได้มีประกาศแจ้งไปยังเกษตรกรทั่วประเทศ ห้ามเผาทุกชนิด ถ้าใครเขาเศษวัสดุทางการเกษตร เผาอะไรต่างๆ ที่เป็นผลกระทบต่อ PM2.5 กระทรวงเกษตรฯ จะงดการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอบรมสัมมนาพัฒนาศักยภาพ แม้แต่การชดเชยต่างๆ มาตรการเด็ดขาดซึ่งก็ได้ผล”
แก้ปัญหาเรื่องสินค้าเถื่อนที่ลักลอบเข้ามา เรามีชุดพญานาคราชไปตรวจไปยึดของเถื่อนต่างๆ ล่าสุดก็ไปยึดตีนไก่ 3 แสนกว่ากิโลกรัม มหาศาล ก่อนหน้านี้เราก็ไปทลายเนื้อวัวเถื่อน ยางพาราที่เข้ามาโดยไม่ถูกกฎหมายจากเมียนมา มาตรการหนึ่งที่ได้ผลคือกรณี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่านได้ประกาศเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่าอย่าเพิ่งกรีดยาง เพราะตอนนั้นราคายางตก เราก็ไม่ให้น้ำยางออกสู่ตลาด 1 เดือน เป็นผลให้ราคายางพารากระเตื้องขึ้นมา
ในการรับมือการลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ เราก็ทำเต็มที่ สกัดทั้งท่าเรือทั้งชายแดนที่ติดต่อ แต่ปัญหาของวัว เนื่องจากเราไปทำ FTA (เขตการค้าเสรี) กับออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อาร์เจนตินา เงื่อนไข FTA เขาส่งไม่จำกัด ของเรามีปัญหาเรื่องออสเตรเลียส่งเนื้อวัวเข้ามาเยอะ แล้วคนไทยเราเองตามร้านสเต็กต่างๆ ก็ชอบนิยมเนื้อต่างประเทศ ทั้งมาจาก FTA ทั้งจากลักลอบ ก็ทำให้ปศุสัตว์ของเราราคาตก โดยเฉพาะที่ลักลอบมาจากเมียนมา คงจำกันได้ เมื่อเดือน เม.ย. 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ของเราได้มีมติบอกว่าห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากเมียนมา ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ เราก็ดำเนินการอยู่แล้ว มีชุดพญานาคราชไปปราบไปจับสินค้าเถื่อนเหล่านี้
เรื่องทุเรียน BY2 หรือ Basic Yellow 2 เรื่องนี้ก็สำคัญเพราะทุเรียนของเราเยอะ และตลาดหลักก็คือจีน มีปัญหาเรื่องสีย้อม Basic Yellow 2 และเรื่องแล็บในการตรวจคัดกรอง BY2 และแคดเมียม ซึ่งเป็นอุปสรรคในการส่งทุเรียนไปจีน ปรากฏว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่านได้ไปเจรจากับจีน โดยเฉพาะ GACC กรมศุลกากรจีน ก็ได้อนุมัติให้เรามีห้องแล็บทั่วภูมิภาค ฉะนั้นการคัดกรอง การส่งทุเรียนไปต่างประเทศ ไปจีนนั้นก็เร็วขึ้น
ในส่วนราคาพืชผลการเกษตร มาตรการของกระทรวงเกษตรฯ พยายามเน้น “ตลาดนำ – นวัตกรรมเสริม – เพิ่มรายได้” โดยเฉพาะ รมว.เกษตรฯ ท่าน ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ท่านเป็นอาจารย์นักวิชาการ และเป็นผู้แทนการค้ามาก่อน ท่านเจรจาเปิดตลาดการค้าหลายแห่ง อย่างเรื่องปศุสัตว์ เรื่องวัวเราได้ไปเจรจากับประเทศจีน เนื่องจากจีนนั้นการส่งจะให้ความสะดวกหรือให้เฉพาะประเทศที่มีชายแดนติดกับจีน อย่างเวียดนาม ลาว เมียนมา ที่ผ่านมาเราก็ส่งผ่านลาว ผ่านเวียดนาม ทำให้ค่าใช้จ่ายเราเพิ่มมากขึ้น
แล้วโดยเฉพาะมาเจอปัญหาสารเร่งเนื้อแดง กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ มีมาตรการเด็ดขาดห้ามมีสารเร่งเนื้อแดง แม้แต่ร้านจำหน่ายยาของสัตว์ต่างๆ ก็ห้ามมีสารเร่งเนื้อแดง ตอนนี้ทางจีนกับเราก็มีข้อตกลงสามารถส่งวัวโดยตรงเข้าจีน ไม่ต้องผ่านชายแดนเวียดนามหรือลาวแล้ว ทำให้ราคากระเตื้องขึ้น นอกจากนั้นท่านยังเจรจากับอินโดนีเซีย ในการส่งสัตว์ปีกดิบไปยังอินโดนีเซีย แล้วตอนนี้ก็รอตลาดเพิ่มอีก 3 แห่ง
“จะแจ้งข่าวดีให้ทราบว่า EUDR (EU Deforestation Regulation - ข้อบังคับของสหภาพยุโรปว่าด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากการทำลายป่า) เรื่องการกีดกันทางการค้าของยุโรป เขาเน้นเรื่องไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่า เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องคาร์บอนเครดิต ทางด้านเราตั้งแต่อาจารย์นฤมลขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี เราก็ประชุมเตรียมการเรื่อง EUDR ที่จะส่งสินค้าเกษตรเข้ายุโรป ก็จะเป็นข่าวดี ตอนนี้ทางยุโรปเขาให้เราเกรด Low Risk (ประเทศกลุ่มความเสี่ยงต่ำ) ก็คือผ่อนปรนสินค้าเกษตร 7 ตัว เป็นสิ่งที่ดีที่เราจะได้ส่งสินค้าเกษตรเข้า”
ในเรื่องที่ดินทำกินของเกษตรกร ใน 9 นโยบายขับเคลื่อน ในข้อที่ 2 เร่งรัดจัดที่ทำกินให้เกษตรกร เป็นนโยบายที่สานต่อจากท่าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ คนก่อนหน้า ซึ่งก็อยู่พรรคเดียวกัน (พรรคกล้าธรรม) เรื่องที่ดินของกระทรวงเกษตรฯ เรานั้นเป็นที่ดิน ส.ป.ก. ส่วนที่ดินโฉนดทั่วๆ ไปนั้นเป็นของกระทรวงมหาดไทย ของกรมที่ดิน
ด้วยความชาญฉลาดของผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ส.ป.ก. 4-01 หลักคือกรรมสิทธิ์เป็นของ ส.ป.ก. (สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) ให้ประชาชนทำกินเฉยๆ มีเงื่อนไข เช่น ห้ามตัดไม้ ห้ามซื้อ – ขาย ตรวจพบใครฝ่าฝืนก็ถอนสิทธิ์ ซึ่งนโยบายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คือจะแปลง ส.ป.ก. 4-01 เป็น “โฉนดเพื่อการเกษตร” กรรมสิทธิ์ยังคงเป็นของ ส.ป.ก. เหมือนเดิม แต่ให้สิทธิ์เพิ่มขึ้น เช่น สามารถจำหน่าย จ่าย โอนได้ในกลุ่มเกษตรกรด้วยกันได้ แต่ห้ามพ่อค้า นายทุน ข้าราชการ
และในขณะนั้น ร.อ.ธรรมนัส ได้ไปเจรจากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้โฉนดเพื่อการเกษตรของ ส.ป.ก. สามารถประกันตัวผู้ต้องหาได้ด้วย รวมถึงเจรจากับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตลอดจนธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ ให้ใช้โฉนดเพื่อการเกษตรเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ อย่างกรณีของ ธ.ก.ส. ในอดีตให้ค้ำได้เพียง 30% หรือ 100 บาท ธ.ก.ส. ให้มา 30 บาท แต่เมื่อเป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ธ.ก.ส. ก็ปล่อย 80 – 100% เพิ่มมากขึ้น
แม้แต่โครงการ “โฉนดต้นไม้” ทางกระทรวงเกษตรฯ นำร่องโดยการยางแห่งประเทศไทย และ ส.ป.ก. ตอนนี้เราให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนต้นยางและต้นไม้อีก 58 ชนิด สามารถไปขึ้นทะเบียนได้ เรียกว่าโฉนดต้นไม้ สามารถไปค้ำประกันเงินกู้ได้ด้วย ที่เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งไปแจกที่บางไทร (จ.พระนครศรีอยุธยา) โดยโฉนดนี้จะไปวัดขนาดต้นไม้ใน ส.ป.ก. ซึ่งทุกวันนี้มีเทคโนโลยีทันสมัย เรามีโดรนที่ถ่ายรูป คือสวนนี้คุณมีกี่ไร่ มีต้นไม้กี่ต้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่าไหร่ สูงเท่าไหร่ แล้วก็มาคำนวณเป็นโฉนดให้ แล้วจะขยายผลไปถึงธนาคารของรัฐและธนาคารพาณิชย์ต่อไป ให้สามารถเอาโฉนดต้นไม้ไปค้ำประกันเงินกู้ได้
- ที่ผ่านมามีปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ซึ่งก็มีคำแนะนำให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีการปลูก ตรงนี้กระทรวงเกษตรฯ เข้าไปส่งเสริมอย่างไรบ้าง? : กระทรวงเกษตรฯ โดยเฉพาะ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ บอกว่าการทำเกษตรทุกวันนี้เราไมได้เล็งที่ตลาดเมืองไทยอย่างเดียว เราผลิตเพื่อการส่งออก ในนโยบายที่จะเป็นครัวของโลก ดังนั้นสินค้าเกษตรที่จะผลิตต้องมีคุณภาพและมีมูลค่า
โดยเฉพาะข้าว เราได้แนะนำให้เปลี่ยนพันธุ์ข้าวทุกปี ให้มีพันธุ์ข้าวที่สู้กับต่างประเทศได้ แล้วก็เรื่องเกษตรมูลค่าสูง ทำอย่างไรให้มีราคาแล้วก็ทันสมัย ฉะนั้นเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ ทางกระทรวงเกษตรฯ เราปรับเปลี่ยนตลอด กรมการข้าวของเรานั้นมีศูนย์ข้าวชุมชน 6,000 กว่าแห่ง ศูนย์ข้าวชุมชนเป็นหน่วยงานที่จะมาช่วยรัฐบาลในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ ให้ความรู้ด้านการเกษตร การปลูกข้าว ให้กับพี่น้องทั่วประเทศ
“ในปีนี้ (2568) เรามีอาสาชาวนา 139,000 กว่าคนทั่วประเทศ เป็นชาวนาจิตอาสาด้านการปลูกข้าว ก็จะให้ความรู้ พัฒนาความรู้ด้านการเกษตร จากการทำเกษตรดั้งเดิม เรามีเกษตรทันสมัยเพื่อสู้ตลาดโลก เรามีตัวแทนอาสาชาวนานทุกหมู่บ้านแล้ว ต่อไปเราก็เร่งระดมให้ความรู้ทำเกษตรทันสมัยโดยเฉพาะศูนย์ข้าวชุมชนรัฐบาลจะกระจายไปทั่วทั้งประเทศ นอกจากเป็นตัวช่วยผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพแล้ว รัฐบาลยังส่งเสริมการลดต้นทุนในการผลิต ให้งบประมาณไปซื้อเครื่องจักร เทคโนโลยีต่างๆ มาทำการเกษตรที่ทันสมัย”
นอกจากนั้น กระทรวงเกษตรฯ ยังมีโครงการ “ASP (Agricultural Service Providers – ผู้ให้บริการทางการเกษตร)” คือการตั้งศูนย์บริการเทคโนโลยี กระจายกันทั่วประเทศเพื่อความสะดวกของเกษตรกร ศูนย์นี้เราส่งเสริมให้เอกชนคนที่มีเครื่องจักรการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นรถแทรกเตอร์ โดรน เครื่องเกี่ยวข้าว ไปตั้งอยู่ศูนย์ต่างๆ แล้วก็จะมีการติดต่อทางแอปพลิเคชั่น ทางไลน์หรือทางโทรศัพท์ ให้ชุมชนสามารถติดต่อได้
เมื่อเรามีศูนย์ ASP ชาวบ้านมีนา 5 – 10 ไร่ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อเครื่องเกี่ยวข้าวหรือรถแทรกเตอร์ แต่สามารถติดต่อไปได้เลย บริเวณนี้ท่านจะไถนาวันไหน? ติดต่อรถไถไปได้เลย หว่านข้าวเราก็มีโดรน ติดต่อศูนย์บริการโดรนไป หรือเครื่องเกี่ยวข้าวเราสามารถวางล็อกได้เลย กำหนดเวลาว่าเจ้าไหนจะเกี่ยววันไหน ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลส่งเสริม ทางกระทรวงเกษตรฯ จะเป็นคนนำร่องให้ได้เป็นศูนย์ที่มาตรฐาน
- ความพร้อมของแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรเป็นอย่างไรบ้าง? : กระทรวงเกษตรฯ ดูแลด้านน้ำอยู่ 2 กรม กรมชลประทานดูแหล่งน้ำในเขตชลประทาน ส่วนกรมพัฒนาที่ดินดูแลเรื่องน้ำนอกเขตชลประทาน ในช่วงปีที่ผ่านมา เมื่อรัฐบาลมอบหมายภารกิจให้พรรคกล้าธรรมดูแลกระทรวงเกษตรฯ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องภัยแล้ง แม้แต่น้ำท่วมเราก็เตรียมป้องกันไว้อย่างดี เว้นแต่เหตุสุดวิสัยจริงๆ แต่เราก็พยายามแก้ไขให้เร็วที่สุด
ปัญหาภัยแล้งเราก็หาที่เก็บกักน้ำให้กระจายมากที่สุด น้ำท่วมเราก็เตรียมเครื่องมือ รถแทรกเตอร์ เครื่องสูบน้ำ ซ่อมฝายต่างๆ ส่วนกรมพัฒนาที่ดิน กระจายน้ำนอกเขตชลประทาน เรามีการขุดบ่อจิ๋วในไร่นา ตอนนี้ขุดให้ฟรี สมัยก่อนชาวบ้านสมทบบ่อละ 2,500 บาท เพิ่มขึ้นมาคือมีการกระจายน้ำให้ด้วย มีแผงโซลาร์เซลล์ มีหอสูบน้ำ มีเครื่องปั๊มน้ำให้ด้วย กระจายไปทั่วทั้งประเทศ
- เห็นว่ากระทรวงเกษตรฯ ยุคนี้ทำงานเชิงรุก ไม่ต้องรอให้เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนต่างๆ เข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ ตรงนี้เป็นอย่างไร? : เราให้ข่าวเสมอว่าพี่น้องเกษตรกรกลุ่มใดที่มีปัญหาที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือจากกระทรวงเกษตรฯ ท่านส่งตัวแทนมาเลยหรือไม่ก็เป็นพวกเราเองที่จะลงไปพบท่านในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วย ทีมงานทั้งหลาย เราพร้อมลงพื้นที่
- ในช่วงครึ่งหลังที่เหลือของปี 2568 กระทรวงเกษตรฯ มีเรื่องใดที่อยากทำเป็นวาระเร่งด่วน? : เราจะผลักดันเรื่องตลาดนำ เราจะหาตลาดต่างประเทศ ตอนนี้เราก็รออยู่อีก 3 ประเทศที่รอเจรจาทำสัญญาลงนาม 1.ใบชา เราจะทำสัญญาส่งไปที่อินโดนีเซีย 2.กระท่อม รอทำสัญญาส่งไปอินเดีย 3.ลำไยสด ที่ผ่านมาเราส่งไปแต่ที่จีน ตอนนี้อาจารย์นฤมลไปเจรจากับฟิลิปปินส์ รอทำสัญญา เราจะเน้นเรื่องตลาดต่างประเทศเพื่อระบายสินค้าเกษตรออกให้มากที่สุด!!
เอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง)
บนถนนสายการเมืองของ “เอกภาพ พลซื่อ”
เอกภาพ พลซื่อ เกิดเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2502 เป็นชาว จ.ร้อยเอ็ด เดิมประกอบอาชีพทนายความ ก่อนเข้าสู่สนามการเมืองโดยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดร้อยเอ็ด สมัยแรก ในการเลือกตั้งเมื่อเดือน ก.ย. 2535 ในสังกัดพรรคเอกภาพ ก่อนเข้าร่วมกับพรรคเสรีธรรมและพรรคไทยรักไทย ตามลำดับ ซึ่งในช่วงที่อยู่กับพรรคไทยรักไทย เอกภาพ เป็นหนึ่งใน “บ้านเลขที่ 111” หรือคณะกรรมการบริหารพรรค 111 คน ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี จากการยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2550 ด้วย
ในการให้สัมภาษณ์กับทีมงาน นสพ.แนวหน้า เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 เอกภาพ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวว่า ในช่วงที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตนก็ไม่ได้ทิ้งพื้นที่ โดยฝากฝังให้หลานชายลงสมัคร สส. แทน เนื่องจาก รัชนี พลซื่อ ผู้เป็นภรรยา ในขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยเอ็ด ส่วนในปัจจุบัน รัชนี เป็น สส. จังหวัดร้อยเอ็ด และเป็นรองหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ขณะที่ เอกรัฐ พลซื่อ ซึ่งเป็นบุตรชาย ปัจจุบันเป็นข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี