‘กมว.’ไฟเขียวให้ผู้ขึ้นทะเบียนรับตั๋วครู 12,614 ราย และขอต่ออายุตั๋วครู 27,858 ราย 114 รายเทียบเคียงให้ ส่วนอีก 2 รายหมดโอกาสเพราะทำอนาจารเด็ก
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ ประธานกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ครั้งที่ 6/2568 พร้อมด้วยคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ และ ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เป็นกรรมการและเลขานุการการประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบการอนุมัติออกและต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาโดยเลขาธิการคุรุสภา ให้แก่ผู้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตและขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาตรวจสอบแล้ว มีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้ 1. มีผู้ขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา จำนวน 12,614 ราย แบ่งเป็น ครู จำนวน 12,044 ราย, ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 421 ราย, ผู้บริหารการศึกษา จำนวน 81 ราย และ ศึกษานิเทศก์ จำนวน 68 ราย
2. ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา จำนวน 27,858 ราย แบ่งเป็นครู จำนวน 25,966 ราย, ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 1,648 ราย , ผู้บริหารการศึกษา จำนวน 108 ราย, ศึกษานิเทศก์ จำนวน 136 ราย
“โดยในวันนี้ที่ประชุมพบว่ามีผู้ที่มีคุณสมบัติต้องห้ามจำนวนหลายราย โดยจำนวน 114 ราย ที่เทียบเคียงต่อใบอนุญาตให้ เนื่องจากโทษไม่หนัก ส่วนอีก 2 ราย ไม่สามารถต่อใบอนุญาตให้ได้ เนื่องจากมีโทษทำอนาจารเด็ก”
รศ.ดร.ศิริเดช กล่าวว่า ตนได้สั่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาการออกและต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ตามกฏหมายข้อ 5 มาตรา 25 (5) พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ทั้งนี้ เพื่อดูแลผู้กระทำผิดจรรยาบรรณทุกรายที่จะทำผิดเกิดขึ้นหลังจากนี้ เพื่อให้เกิดความรอบคอบมากยิ่งขึ้น และรวดเร็ว ถูกต้อง ประโยชน์ ประหยัด เพราะถ้ารอเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการ กมว. ซึ่งจะประชุม เดือนละ 1 ครั้ง จะทำให้ครูที่ใบอสุญาตหมดอายุและจำเป็นต้องต่อทันที ถ้าไม่ได้ต่อก็สอนไม่ได้ หรือพิจารณาในกรณีครูที่ไม่ได้ทำผิดร้ายแรง ก็จะไดีรับการพิจารณาโทษเร็ยขึ้น ตนจึงตั้งคณะอนุกรรมการดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาได้เร็วขึ้น หลังจากนั้นค่อยนำผลเข้าที่ประชุม กมว.เพื่อทราบ
“ซึ่งภายใน 1 เดือนคุรุสภาจะมีผู้ขอออกและต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาเข้ามาประมาณ 300 กว่าราย ถ้าใบอนุญาตหมดอายุ ไม่ต่อให้เลยครูก็สอนหนังสือไม่ได้ เสียเวลา จึงต้องมีคณะอนุกรรมการดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา ส่วนครูทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตการเงิน ยาเสพติด ชู้สาว ข่มขืนกระทำชำเรา เรื่องเหล่านี้ไม่สามารถพิจารณาต่อใบอนุญาตให้ได้ ต้องรอ กมว.ชุดใหญ่พิจารณา“
ประธาน กมว. กล่าวต่อว่า อยากย้ำเตือนไปถึงสถาบันที่ผลิตครู ว่าจะต้องดูแลอย่างเคร่งครัดในขบวนการบ่มเพราะผู้ที่จะออกไปเป็นครู และทำให้ขบวนการผลิตครูเป็นขบวนการที่มีคุณภาพ เพื่อผลิตครูออกมาให้มีคุณภาพ และครูของครูก็ต้องเป็นครูที่มีคุณภาพด้วย เพราะถ้าต้นทางดีปลายทางก็ดีด้วย
ด้านเลขาธิการ คุรุสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีที่ครูโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย ลงโทษนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่ทำการบ้านส่งไม่ตรงเวลา ครูจึงสั่งให้นักเรียนลุกนั่ง จำนวน 200 ครั้ง จนทำให้นักเรียนมีอาการปวดขาอย่างรุนแรงและมีอาการฉีสีเหมือนโค๊ก แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นภาวะกล้ามเนื้อสลาย เซลล์กล้ามเนื้อตายและของเสียในเซลล์ออกมาสู่กระแสเลือดซึ่งทำให้ไตวาย ฉี่เป็นสีโค๊ก และเสียชีวิตได้หากรักษาไม่ทัน นั้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ยังมาไม่ถึง คุรุสภาจึงยังไม่ได้นำเข้าพิจารณาในที่ประชุม กมว.วันนี้ แต่อย่างไรก็ตามครูไม่ควรลงโทษเด็กเพราะบันดาลโทสะ หรือลงโทษเด็กเกินกว่าเหตุจนทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายของเด็ก
“คุรุสภา ส่งข้อบังคับฉบับใหม่ในการพิจารณาประพฤติผิดจรรยาบรรณครูและบุคลากร ไปให้กฤษฎีกาตีพิจารณาตีความแล้ว ขณะนี้ทางกฤษฎีกา ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถ้าประกาศใช้แล้ว คุรุสถาก็มีอำนาจสามารถพิจารณาพักใช้ใบประกอบวิชาชีพคนที่ทำผิดได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม คุรุสภาก็จะรณรงค์ผ่านทุกช่องทางเกี่ยวกับเรื่องจรรยาบรรณฯ เพื่อให้ครูทุกสังกัดได้รับรู้มากยิ่งขึ้น และคุรุสภาจะประสานงานกับต้นสังกัดของครูเกี่ยวกับเรื่องจรรยาบรรณ พร้อมทั้งทีมงานของคุรุสภาจะเดินสายไปพบกับครูทุกสังกัดด้วย เพื่อให้ครูตระหนังในเรื่องรรยาบรรณ ให้ครูระมัดระวัง ใช้วิจารณญาณ ใช้สติและปัญญาให้มาก ครูไม่ควรลงโทษเด็กเพราะบันดาลโทสะหรือใช้อารมย์“ เลขาธิการ คุรุสภา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี