ศุลกากรคลองใหญ่เผยการค้าชายแดนหาดเล็กยังคึกคัก รถเข้าออกวันละ 100-130 คัน แต่ยุ่งยากเพิ่มขึ้น คนขับรถบรรทุกโอดรายได้หดครึ่ง ส่วนมาตรการฝั่งไทยต้องรอเย็นวันนี้ตัดไฟฟ้า ตัดเน็ตหรือไม่
วันนี้ (14 มิ.ย.68) เป็นวันที่ 7 แล้วที่จังหวัดตราดได้ประกาศลดเวลาเปิด-ปิดด่านบ้านหาดเล็ก จากเดิม 06.00-22.00 น. เหลือเพียง 08.00-16.00 น. ซึ่งเป็นมาตรการตอบโต้ทางการค้าจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โดยฝั่งจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ก็ตอบโต้ด้วยการเปิดด่านช้ากว่าฝั่งไทยถึง 1 ชั่วโมง สถานการณ์นี้ทำให้รถบรรทุกสินค้าทั้งขนาดใหญ่และเล็กต้องเสียเวลารอคอยเป็นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดแถวยาวเกือบ 1 กิโลเมตร โดยเฉพาะในช่วงวันอังคารถึงพฤหัสบดีซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการค้าหนาแน่นที่สุด
นายวิโรจน์ วัติรางกูร หัวหน้าชุดด่านศุลกากรคลองใหญ่ เปิดเผยว่า การค้าขายยังคงเป็นไปตามปกติ แม้จะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและใช้เวลามากขึ้นจากการรอการเปิดด่านของทั้งสองประเทศ โดยในแต่ละวันมีรถบรรทุกสินค้าเดินทางออกไปยังฝั่งกัมพูชากว่า 120 คัน และสูงสุดถึง 130 คัน เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70 คันต่อวัน เมื่อวานนี้มีรถบรรทุกสินค้าเดินทางเข้ากัมพูชาถึง 133 คัน และกลับเข้ามา 120 คัน ส่วนที่เหลือยังคงค้างอยู่ในฝั่งกัมพูชาเนื่องจากด่านปิดก่อนเวลา อย่างไรก็ตาม มาตรการกดดันเพิ่มเติมจากฝั่งไทย ทั้งการตัดไฟฟ้าหรือการตัดอินเทอร์เน็ต ยังคงต้องรอมติที่ชัดเจนจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) ระหว่างสองประเทศที่กรุงพนมเปญในช่วงเย็นวันนี้
สำหรับสถานการณ์ที่ด่านบ้านแหลม จังหวัดจันทบุรี ซึ่งฝั่งกัมพูชาเคยสั่งปิดเพื่อตอบโต้ไทยนั้น นายวิโรจน์เผยว่า ได้มีการเจรจากันระหว่างสองฝ่ายแล้ว และได้ยกเลิกการปิดด่านเรียบร้อยแล้ว
ด้านนายประวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ประกอบการค้าชายแดนที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ความขัดแย้งยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาบานปลายได้ในอนาคต เช่นกรณีการปิดด่านบ้านแหลมก่อนหน้านี้ ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตร แม้ขณะนี้จะกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น อาจมีการใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่าผู้ประกอบการขนส่งสินค้าที่เคยใช้ด่านบ้านแหลม อาจจะหันมาย้ายเส้นทางมาใช้จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็กมากขึ้น ซึ่งจะยิ่ง ทำให้เกิดปัญหาความแออัด บริเวณด่านบ้านหาดเล็กได้
ขณะที่นายพยอม (ขอสงวนนามสกุล) คนขับรถบรรทุกรับจ้างจากจังหวัดบุรีรัมย์ ที่นำสินค้ามาส่งในกัมพูชา เปิดเผยว่า ตนเองและบริษัทขนส่งสินค้าได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ โดยเฉพาะเรื่องรายได้ จากเดิมที่เคยได้รับเงินเดือน 20,000 บาท ตอนนี้เหลือเพียง 10,000 บาทต่อเดือน เพราะบริษัทมีรายได้ลดลง และตนเองก็สามารถขนส่งสินค้าได้ไม่กี่เที่ยว ซึ่ง รายได้เท่านี้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพในแต่ละวัน หากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ รายได้อาจลดลงไปมากกว่านี้อีก - 100
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี