วันจันทร์ ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
‘บ้านปลามีชีวิต’ ฟื้นทรัพยากรสัตว์น้ำ-ชีวิตประมงพื้นบ้าน

‘บ้านปลามีชีวิต’ ฟื้นทรัพยากรสัตว์น้ำ-ชีวิตประมงพื้นบ้าน

วันจันทร์ ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : ทรัพยากรสัตว์น้ำ บ้านปลามีชีวิต ประมงพื้นบ้าน
  •  

“ซั้ง” ภูมิปัญญาชาวประมงที่เกิดจากการนำวัสดุธรรมชาติที่หาได้ง่าย เช่น กิ่งและลำต้นของไม้ชายเลนมากองหรือผูกและทิ้งไว้ในทะเล เพื่อล่อให้สัตว์ทะเลเข้ามาใช้เป็นแหล่งหากินและใช้หลบซ่อนตัว ก่อนจะใช้เครื่องมือประมงมาล้อมจับและนำขึ้นมาขาย แต่วันนี้ซั้งได้ถูกพัฒนามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับชุมชนประมงชายฝั่งหลายแห่ง ภายใต้ชื่อ “บ้านปลา”

ปัจจุบันชุมชนชาวประมงในทะเลสาบสงขลา เริ่มมีการใช้ซั้งเพื่อเป็นบ้านปลาในพื้นที่เขตอนุรักษ์ห้ามจับสัตว์น้ำของชุมชน โดยส่วนใหญ่จะเป็น “ซั้งกอ” ที่เป็นการนำวัสดุ เช่น ลำไม้ไผ่ มากั้นเป็นคอกสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 4X4 เมตร และนำกิ่งไม้ที่หาใด้ในชุมชน เช่น ทางปาล์ม ทางมะพร้าว กิ่งเสม็ด กิ่งลำพู มาใส่หรือปักไว้ในคอก สำหรับใช้เป็นที่เกาะของสาหร่ายและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก รวมถึงแพลงก์ตอนที่เป็นอาหารของลูกปลาขนาดเล็ก ทำให้บ้านปลากลายเป็นแหล่งอาหารและที่หลบซ่อนตัวจากศัตรูตามธรรมชาติ ช่วยปริมาณสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นได้ในระยะยาว 


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบ้านปลา จะช่วยให้สัตว์น้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้น ชาวประมงมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ชุมชนในทะเลสาบสงขลาที่ทำบ้านปลาและประสบความสำเร็จยังมีจำนวนจำกัด   สาเหตุหนึ่งเกิดจากวัสดุในการทำบ้านปลาที่เป็นวัสดุธรรมชาติสามารถย่อยสลายได้  ทำให้จำเป็นต้องมีการซ่อมบำรุงคอก รวมถึงเปลี่ยนกิ่งไม้ทุก 6 เดือน  ซึ่งการหาคนที่จะมาทำหน้าที่นี้อย่างต่อเนื่อง คือเงื่อนไขสำคัญของการทำบ้านปลาให้ประสบความสำเร็จ

ที่ผ่านมาการทำงานอนุรักษ์ในชุมชนจะคล้ายกับงานจิตอาสา พอทำช่วงหนึ่งจะมีอุปสรรคหลายอย่างที่ทำให้หมดกำลังใจ ระยะแรกคนในชุมชนอาจจะให้ความร่วมมือ แต่เมื่อจำนวนปลาเริ่มมากขึ้น ก็จะเริ่มมีการแอบจับ หรือไม่ยอมรับข้อตกลงที่กำหนดไว้  ซึ่งคนที่อยากรักษาพื้นที่อนุรักษ์ไว้ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจ ไม่มีกฎหมายในมือ  โดยเฉพาะบ้านปลาซึ่งต้องมีต้นทุนในการดูแลซ่อมแซม หากขาดระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจน ไม่มีการวางแผนเรื่องรายรับรายจ่าย ก็จะมีปัญหาต่างๆ ตามมา จนกลุ่มไม่สามารถทำต่อได้

ผลจากการดำเนินโครงการวิจัย ในช่วงปี 2565-2566  สามารถทำให้เกิดกองทุนหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์ และมีกิจกรรมต่อยอดจากการอนุรักษ์ต่างๆ ในชุมชนรอบทะเลสาบสงขลาที่เข้าร่วมโครงการ และยังทำให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างชุมชนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  เช่น ประมงจังหวัด เพื่อคอยกำกับดูแลการทำประมงไม่ให้รุกล้ำเข้าไปในเขตอนุรักษ์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง 

ทำให้ “บ้านปลา” ในหลายชุมชนสามารถเป็นพื้นที่ฟูมฟักและเพิ่มปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำได้จริง ที่สำคัญคือ “ทีมวิจัยและชุมชนบ้านใหม่ หมู่ 1 ตำบลสทิ้งหม้อ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา” ยังได้ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมที่ปิดจุดอ่อนของบ้านปลาที่ต้องการการดูแลอย่างสม่ำเสมอมาเป็น “บ้านปลามีชีวิต” ที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ เมื่อเวลาผ่านไปจะยิ่งแข็งแรงมากขึ้น

บ้านปลามีชีวิต เป็นนวัตกรรมที่เริ่มต้นจากภูมิปัญญาของคนในชุมชนบ้านใหม่ หมู่ 1 ที่คิดว่าหากเปลี่ยนจากการใช้กิ่งไม้เป็นการปลูกต้นไม้ที่มีชีวิตและเติบโตได้ น่าจะทำให้ได้บ้านปลาที่แข็งแรงและใช้ประโยชน์ได้นานกว่า   ทำให้บ้านปลามีชีวิตที่ชุมชนบ้านใหม่และทีมวิจัยร่วมกันพัฒนาขึ้นมา เปลี่ยนจากการใช้กิ่งไม้มาเป็นการวางท่อซีเมนต์หรือถังพลาสติกที่บรรจุดินเลนไว้ภายในลงไปคอก และนำต้นโกงกางที่เพาะไว้มาปลูกบนท่อหรือถังเหล่านั้นแทนการปักด้วยกิ่งไม้  

โดยพบว่าเมื่อต้นโกงกางเติบโตขึ้น จะมี “รากค้ำจุน”งอกออกจากด้านข้างของลำต้นและโค้งปักลงบนพื้นดินเลนที่อยู่โดยรอบท่อ  ซึ่งรากน้อยใหญ่เหล่านี้นอกจากจะช่วยพยุงต้นโกงกางให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงแล้ว ยังช่วยสร้างระบบนิเวศของปลาตัวอ่อน ที่ให้ทั้งอาหารและแหล่งหลบซ่อน จนมีขนาดโตพอจะออกไปหากินและแพร่พันธุ์ต่อไป

น.ส.อุไรพรรณ หมอชื่น  สมาชิกของกลุ่มอนุรักษ์ชายฝั่งและฟาร์มทะเลชุมชนบ้านใหม่ หมู่ที่ 1  ผู้คิดชื่อ “บ้านปลามีชีวิต” กล่าวว่า เหตุผลที่เลือกใช้คำว่าบ้านปลามีชีวิต  เพราะสามารถสื่อความหมายถึงการนำสิ่งมีชีวิตอย่างต้นโกงกางมาเป็นสถานที่ให้ชีวิตกับสัตว์น้อยใหญ่ต่าง ๆ ที่มาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งในน้ำและบนต้น ขณะที่การมีอยู่ของบ้านปลาแห่งนี้ ได้ทำให้ชีวิตของคนในชุมชนดีขึ้น ทั้งอาชีพประมง การมีรายได้จากการท่องเที่ยว และการปลุกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ให้กับคนในชุมชนและเด็กเยาวชน

ผศ.ดร.เตือนตา ร่าหมาน คณะวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมดิจิทัล มหาวิทยาลัยทักษิณ ที่ทำการศึกษาความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำในบริเวณบ้านปลา ภายใต้งานวิจัย “การจัดการอนุรักษ์ปลาสามน้ำของชุมชนในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาอย่างมีส่วนร่วมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางสังคม” โดยการสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบปริมาณสัตว์น้ำก่อนและหลังการทำบ้านปลาในทะเลสาบสงขลา พบว่า ก่อนทำบ้านปลาน้ำหนักของสัตว์น้ำในบริเวณนี้อยู่ที่ 0.3 กิโลกรัม

“แต่เมื่อทำบ้านปลาให้สัตว์น้ำได้ใช้เป็นแหล่งอาหารและแหล่งพักพิงไปแล้ว น้ำหนักสัตว์น้ำเพิ่มเป็น 0.72 กิโลกรัม หรือคิดเป็นปริมาณปลาที่เพิ่มขึ้น 140 เปอร์เซ็นต์    และยังพบอีกว่าปลาที่อยู่โดยรอบบ้านปลาจะมีน้ำหนักเฉลี่ย 2.5 กิโลกรัม  ขณะที่ปลานอกเขตบ้านปลามีน้ำหนักเฉลี่ยเพียง 0.6 กิโลกรัม  ที่สำคัญคือ ชาวประมงในชุมชนที่มีการทำบ้านปลาจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 16,000-24,000 บาทต่อเดือน เป็นเดือนละ 40,000-52,000 บาท” ผศ.ดร.เตือนตา กล่าว

ผศ.ดร.เตือนตา กล่าวต่อไปว่า หลังจากทำบ้านปลามีชีวิตไปแล้ว 4 เดือน พบว่าบริเวณที่มีการทำบ้านปลาและในเขตอนุรักษ์จะพบปลา 9 ชนิด ขณะที่พบปลานอกเขตอนุรักษ์เพียง  2 ชนิด นอกจากนี้น้ำหนักของปลาที่จับจากบริเวณบ้านปลามีชีวิตขึ้นมาชั่งจะได้ปลาคิดเป็นน้ำหนัก 17.2 กิโลกรัม ขณะที่ปลาที่จับได้ในบริเวณที่ไม่มีบ้านปลา จะชั่งน้ำหนักได้  1.5 กิโลกรัม ซึ่งผลการประเมินแสดงให้เห็นประสิทธิภาพของการทำบ้านปลาและเขตอนุรักษ์ได้เป็นอย่างดี  เมื่อคำนวณ SROI (ผลตอบแทนทางสังคม) ของโครงการนี้เท่ากับ 5.72 นั่นคือ ลงทุนทำกิจกรรมไป 1 บาท ได้ผลตอบแทน 5.72 บาท

และด้วยความโดดเด่นของนวัตกรรมจากภูมิปัญญาของชุมชน ทำให้ “บ้านปลามีชีวิต” ได้รับรางวัลระดับดีเด่นประเภทนวัตกรรม/เทคโนโลยีที่เหมาะสม ในงานชุมชนนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ ปีที่ 2  และคว้ารางวัล SILVER MEDAL จากเวที "2024 Kaohsiung International Invention and Design EXPO" (KIDE 2024)  ซึ่งเป็นเวทีประกวดนวัตกรรมระดับนานาขาติ ที่ไต้หวันได้อีกด้วย!!!

หมายเหตุ : หน่วยบริหารและจัดการทุนเพื่อการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (อว.) มีเป้าหมายหลักคือการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและความเข้มแข็งของชุมชน ให้มีศักยภาพในการแข่งขัน สามารถพึ่งพาตนเองได้และกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ตำรวจสหรัฐฯเร่งล่ามือปืนยิงนักการเมือง ตั้งค่าหัว1.6ล้าน หวั่นแรงจูงใจทางการเมือง

ด่านช่องสะงำปกติ! 'กัมพูชา'ยังไม่แบนอาหารสด-ผักผลไม้จากไทย

เปิดแนวคิด‘ดร.บริดตา อินรัญ’กับความท้าทายการสานต่อธุรกิจครอบครัว ควบคู่รักษาคุณค่ายั่งยืน

(คลิป) คุยกันดีดีแล้วดื้อด้าน! เอาให้เละก่อนโตดีไหม!

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved