วันที่ 17 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีพระนักเทศชื่อดังชื่อว่า “หลวงตาซุจ พระนักเทศน์ชื่อดังจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเคยเดินสายแผ่ธรรมมะในต่างประเทศทางกัมพูชา ทั้งสหรัฐอเมริกา และเคยดูแลวัดถึง 7 แห่ง รวมถึงยังได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาพระสังฆาราชกัมพูชา “หลวงตาซุจ”มีวิธีการพูดคุยเทศนาในแบบเฉพาะตัวของท่าน ทำให้ญาติโยมทั่งอีสานใต้ชื่นชอบการเทศนาของท่านที่เผยแพร่เรื่องพระพุทธศาสนาและแฝงไปด้วยความสนุก ตลก แน่นอนไม่มีใครที่จะไม่รู้จักหลวงตาซุจในโซนอีสานใต้
ต่อมาได้เกิดกระแสร้อนแรงหลังจาก“หลวงตาซุจ”ได้ไลฟ์สดลงเฟสบุ๊ค พูให้ท้ายประเทศกัมพูชาและยังมีการส่งเสบียงไปสนับสนุนฝั่งทหารของกัมพูชาบริเวณปราสาทตาเมือนธม หลังจากเกิดข้อพิพาดพื้นที่ทับซ้อนกันระหว่างไทยและกัมพูชา ประเด็นหลักที่ทำให้ชาวสุรินทร์เป็นที่พาดพิงและไม่พอใจอย่างหนักหน่วง “หลวงตาซุจ”ได้พูดกลางไลฟ์สดเป็นภาษาเขมรว่า อาตมาไม่ใช่คนสุรินทร์เกลียดพวกคนสุรินทร์มาก เขมรยิงเลย ยิงให้พวกสุรินทร์เละไปหมด เขมรยิงไปเลย ยิงพวกสุรินทร์เละให้หมด พวกจังหวัดสุรินทร์ตายหมดอาตมาสบายใจ อาตมาไม่ชอบนิสัยของพวกชาติตระกูลชาวสุรินทร์ ตายๆให้หมดก็ดี เพราะอาตมาไม่ใช่คนสุรินทร์อาตมาคนบุรีรัมย์ และถ้าใครมาคอมเมนต์เกี่ยวกับคนสุรินทร์จะไล่บล็อคให้หมด
หลังจากกระแสดังกล่าวเกิดขึ้นชาวสุรินทร์ลุกฮือต่างเกิดความไม่พอใจล่าสุดชาวบ้านในพื้นที่บ้านตระแบก ตำบลไพร อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ โดยเป็นสายเลือดเป็นพี่เป็นน้องกับหลวงตาสุจต่างโมโหไม่พอใจต่อพฤติกรรมที่หลวงตาสุจพูดในไลฟ์สดได้ทำพิธีกรรมต่อหน้าเหล่าบรรดาชาวบ้านมากมายตัดขาดไม่นับถือเป็นญาติพี่น้องสายเลือดอีกต่อไปและเรียกร้องให้ทาง“หลวงตาซุจ”หรือนริธร ปสันโน ออกมาขอโทษชาวสุรินทร์ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวทางสงฆ์ไม่สมควรใช้คำหยาบคายและเกิดความเกลียดชังกันทำให้ไลฟ์สดดังกล่าวถูกลบทิ้งเนื่องจากทนกระแสกดดันไม่ได้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลมาว่า “หลวงตาซุจ”เคยเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งหนึ่ง ตำบลตำเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์และได้ไปพูดคุยกับพระที่อยู่ในวัดเพื่อให้เล่าถึงเรื่องราวที่ หลวงตาซุจโดนชาวบ้านขับไล่ออกจากวัด เมื่อปี พ.ศ 2534 และพูดคุยกับชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่หลวงตาซุจโดนชาวบ้านไล่ออก รวมไปถึงนิสัยใจ
พระโอภาส อายุ 68 ปี เล่าว่า เมื่อปี 2530 ตนเองเคยบวชอยู่ที่วัดแห่งนี้และได้ย้ายออกไปอยู่ที่วัดอื่น แต่ลูกวัดเล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 2534 สมัยนั้นเป็นช่วงสงครามเขมร และประเทศเขมรได้ฝังศพทหารและพลเรือนมีทั้งตายท้องกลม ตอนนั้นหลวงตาซุจยังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่นี่ ได้ไปขุดเอากระดูกผีตายโหงมาทำพิธีคุณไสย์ และฝังกระดูกอยู่ใต้ศาลา ชาวบ้านรู้เรื่องราวจึงได้รวมตัวกันขับไล่ออกจากวีดเพราะกลัวจะเป็นอาเพศ จากนั้น“หลวงตาซุจ”ก็ไปอยู่ที่อื่น
นายสมใจ อายุ 53 ปี ชาวบ้านหมู่บ้านสกล ที่อยู่ในเหตุการณ์ สมัยที่หลวงตาซุจโดนขับไล่ออกจากวัด เล่าว่า หลวงตาซุจมีนิสัยก้าวราว เคยจะต่อยกับญาติโยม ที่สมัยบวชเป็นเจ้าอาวาสเคยเล่นคุณไสยไปขุดเอากระดูกผีตายโหงมาเล่นของและฝังไว้ใต้ศาลา ชาวบ้านจึงรวมตัวกันขับไล่ออกจากวัดบ้านสกลไม่มีอะไรฝากถึงนอกจากมะเหงก มันไม่ใช่พระ นายสมใจกล่าว
นางจำเนียน อายุ 57ปี หนึ่งชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่หลวงซุจขับไล่ หลังจากที่ทราบข่าวว่า หลวงตาซุจพูดสาปแช่งคนสุรินทร์ ตนรู้สึกเสียใจ เสียข้าวที่ไปตักบาตรทำบุญจริงๆ สาบแช่งยังไงก็ขอให้กลับไปหาแบบนั้น เพราะชาวบ้านสกลไม่เคยไปทำอะไรให้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี