วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร มองอนาคตภาคเกษตรไทย

ฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร มองอนาคตภาคเกษตรไทย

วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.45 น.
Tag : ฉันทานนท์วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  •  

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นส่วนราชการระดับกรม ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีบทบาทหน้าที่เปรียบเสมือน “คลังสมอง” ในภาคเกษตรของไทย จากหน้าที่ 4 ประการ คือ  1.จัดทำและบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศการเกษตร 2.ศึกษา วิเคราะห์ วิจัยด้านเศรษฐกิจการเกษตร จัดทำรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการเกษตร ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

3.เสนอแนะนโยบาย จัดทำแผนพัฒนาและมาตรการทางการเกษตร รวมทั้งจัดทำท่าที และร่วมเจรจาการค้าสินค้าเกษตรและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการเกษตรระหว่างประเทศ 4.ติดตามและประเมินผลแผนงาน / โครงการที่สำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ทีมงาน “นสพ.แนวหน้า” มีโอกาสได้พูดคุยกับ ฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ถึงสถานการณ์ของภาคเกษตรไทยในปัจจุบัน และสิ่งที่ควรผลักดันให้เกิดขึ้นเพื่อยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในอนาคต  


- อยากให้ช่วยเล่าสถานการณ์พืชเกษตรหลักในรอบปีที่ผ่านมาของประเทศไทย : จริงๆ ต้องบอกว่าปีนี้ ช่วงต้นปีราคาสินค้าเกษตรหลายตัวยังดีอยู่ ต้องยอมรับว่าแต่พอมาเข้าช่วงที่มีผลลิตออู่เยอะ เช่น พวกข้าวมีคุณภาพดีๆ  ราคาไม่ค่อยตก ข้าวหอมมะลิ จริงๆ ต้นปีปาล์มน้ำมันก็ยังราคาดีอยู่ แต่พอมาเข้าช่วงที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดเยอะ ราคามันตกลง แล้วช่วงวันหยุด ปาล์มที่โรงงานเขาไม่ได้เดินเครื่องสกัด มันก็ทำให้ราคาลดลง

จะมีอยู่หลายกลุ่มสินค้า ที่เนื่องจากปีที่ผ่านมาน้ำต้นทุนดี ผลผลิตออกมามาก มันก็เป็นหลัก Demand – Supply (อุปสงค์-อุปทาน) ทำให้ราคาลดลง ที่ลดลงจริงๆ จะเห็นภาพรวมๆ พวกข้าวเปลือกเจ้า ผลผลิตเยอะ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลผลิตมีออกมาสู่ตลาดเยอะพอสมควร มันสำปะหลังเช่นกัน ราคาลดลง ยางพาราขึ้นๆ ลงๆ แต่ว่าไม่ได้แตกต่างกัน ถ้าเกิดผมพูดง่ายๆ ว่าเอาตัวที่มันขึ้นดีกว่า ก็จะเห็นว่าข้าวหอมมะลิ ปาล์มน้ำมัน ใน 5 เดือนที่ผ่านมาราคาก็ยังดีอยู่ ถ้าตัวอื่นๆ ก็ยังเห็นอยู่ ยังมีผลไม้บางชนิดที่ราคาก็ไม่ได้ร่วง ราคาใกล้เคียงกับปีที่แล้ว

- มีชนิดใดที่น่ากังวลหรือต้องจับตาบ้างหรือไม่? : จริงๆ สินค้าเกษตรมันเป็นไปตามฤดูกาลและตามความต้องการของตลาดโลก ถ้าดูจริงๆ ที่เราเป็นห่วงทุกๆ ปี เราก็จะกังวลสินค้าตัวใหญ่ๆ เช่น ข้าวเจ้า ถ้าผลผลิตออกมาเยอะเกินไปในภาวะที่เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศเป็นแบบนี้ แล้วคู่แข่งเยอะด้วย ข้าวมีคู่แข่งมากทั้งเวียดนาม อินเดีย หลายๆ ที่แล้วไม่มีจำกัดมาตรการส่งออก วันนี้ถ้าเกิดจะดูหลักๆ กังวลเรื่องข้าวเจ้า ที่ผลผลิตมีปริมาณมาก

ข้าวนี่เราต้องมองในภาพรวม Yield (ผลผลิต) ต่อไร่เมื่อไปเปรียบเทียบกับต่างประเทศมันน้อยกว่าเขา ขณะที่ก็ไม่ได้ข้าวที่แตกต่างกันมาก แล้วเราคาในตลาดโลกถ้าไปขาย เรามีต้นทุนขนาดนี้ แล้วเขามีต้นทุน ผลผลิตเขาเยอะ เขาก็ขายได้ต่ำกว่าเรา คนก็ไปซื้อเขา การส่งออกก็ไปได้น้อย ก็กระจุกในประเทศ ส่งออกไม่ได้ ราคามันก็ลง

จริงๆ มันต้องดูทุกตัว มีทั้งกังวลและไม่กังวล แต่กังวลก็ตามที่ออกมาในช่วงพีค ว่าเราจะจัดการอย่างไร เพราะบางช่วงก็แพง บางช่วงก็ถูก แต่สินค้าผมเรียนตรงๆ จากประสบการณ์ทำงาน ในอดีต 20 – 30 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มันไม่ใช่ Demand – Supply อย่างเดียว มันพูดถึงการจัดการด้วย ตอนนี้ต้อง Demand + Supply + การจัดการ ถ้าจัดการดีมันก็ไม่ตก บางอย่างของน้อยทำให้ถูกก็ได้ถ้ามันโดนทุบ เหมือนในตลาดหุ้น ของเยอะทำให้แพงก็ได้ ฉะนั้นภาพรวมผมกังวลสินค้าตัวไหน ผมก็กำลังบอกว่าสินค้าหลักของประเทศเราทั้งหมด ต้องมาดูทั้งหมด     

“เราไม่คิดว่าเราอยากทำให้สินค้าไม่ราคาตก ผมอยากทำให้สินค้าเราราคา Stable (มีเสถียรภาพ) ไม่ได้อยากให้ขึ้นไปสูงๆ แล้วปีนี้มาลง ผมอยากมองว่าสินค้าทุกตัวมีราคาที่เหมาะสม เกษตรกรได้รับกำไรที่เหมาะสม ผู้ประกอบการได้รับกำไรที่เหมาะสม โดยเฉพาะสินค้าหลักของประเทศ แต่ถ้าถามว่าตอนนี้สินค้าตัวไหนที่ดูแล้วแนวโน้มปี 2568 มันค่อนข้างขาลง ก็มีหลายตัว มีทั้งข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา”

- เห็นว่าสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรดูเรื่องคุณภาพชีวิตของเกษตรกรด้วย ตรงนี้เป็นอย่างไรบ้าง? : ดูในภาพรวมทั้งรายรับ – รายจ่าย ทั้งในและนอกภาคเกษตร หนี้สินเกษตรกรก็ดูในภาพรวมๆ เราเป็นคนทำตัวเลข เราเก็บตัวเลข คือจริงๆ ข้อมูลพวกนี้ไม่ได้เก็บทุกปี เก็บ 2 – 3 ปีครั้งหนึ่ง เพราะเป็นการเก็บที่ค่อนข้างละเอียดและยาก วิธีการเก็บตามหลักวิชาการทางสถิติ เพราะการเก็บตัวเลขเป็นการเก็บจากเกษตรกรทั่วประเทศแล้วเราก็มาหาค่าเฉลี่ย (Mean) ที่เหมาะสม

 เพราะเกษตรกรแต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน บางคนปลูกข้าวได้ผลผลิต 1,000 บางคนได้ 200 เราต้องหาค่าเฉลี่ย เราก็จะดูเป็นรายได้ของเกษตรกร คือจริงๆ รายได้ภาคเกษตรถ้าพูดถึงในภาพรวมก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่ได้เยอะมาก รายได้เกษตรกรแต่ละปีก็ขึ้นไปตามค่าครองชีพ ราคาสินค้าเกษตรจริงๆ ถ้าถามว่ามันตกหมดไหม? มันก็ไม่ได้ตกหมด รายได้เกษตรกรจริงๆ มาจาก 2 ส่วน คือรายได้ในภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร แต่รายได้นอกภาคเกษตรจะมากกว่าในภาคเกษตร แต่ในขณะเดียวกัน รายจ่ายนอกภาคเกษตรก็จะมากกว่าในภาคเกษตรเยอะอย่างมีนัยสำคัญ

“รายได้ในกับนอกภาคเกษตรจะห่างกันนิดๆ หน่อยๆ แต่รายจ่ายนอกภาคเกษตรจะเยอะ ในขณะเดียวกันถ้ารวมเป็นรายได้สุทธิแล้วถัวเฉลี่ยในภาพรวมๆ พืช สัตว์ ประมง รวมกันหมดเลยจะมีประมาณ 8 หมื่นกว่าๆ ที่เติบโตขึ้นมาปีหนึ่ง 1,000 – 2,000 ในภาคเกษตร นอกภาคเกษตร ขณะเดียวกันหนี้สินที่น่าเป็นห่วงคือหนี้สินเกษตรกรที่เพิ่มมากขึ้นเพราะปัจจัยหลักๆ หลายปัจจัย

ต้องยอมรับว่าเกษตรกรเป็นกลุ่มที่เปราะบาง เวลาได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ผลกระทบจากราคาตกต่ำ เขาไม่มีเงินทุนสำรองมาจัดการ ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา ก็เลยจะทำให้มีหนี้สินเพิ่มขึ้น แล้วเกษตรกรในปัจจุบันไม่เหมือนการเป็นเกษตรกรในอดีต ผมทำงาน 20 ปีที่แล้วเกษตรกรอาจยังเป็นคนมีกำลังอยู่ เขาเข้าสวนเข้านาเข้าไร่ ดูแลผลิตภัณฑ์ของเขา เดี๋ยวนี้อาศัยจ้างเอาเยอะ”

จึงเป็นที่มาที่ไปของกระทรวงเกษตรฯ กำลังทำนโยบายเรื่อง Service Provider (ผู้ให้บริการ) อันนี้ผมคิดตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว แต่ก่อนเรามีความคิดว่าเกษตรกรก็จ้างกันหมดแล้วนะ บางรายก็มีเครื่องจักร พอมีเครื่องจักรเขาก็เอาเครื่องจักรไปทำจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเก็บเครื่องจักของเขาไว้เฉยๆ 3 – 4 เดือน ทำไมเขาไม่เอาเครื่องจักรไปรับจ้างต่อ ถ้าเป็นเครื่องจักรของเขาเอง ทำในแปลงนาของเขา สมมติเขามีเครื่องเกี่ยว เครื่องหยอด ของเขาเองสักอย่างเดียวก็พอ ทำเสร็จก็ไปรับจ้างเพื่อนบ้าน ในขณะที่เพื่อนบ้าน คนนี้มีรถไถ คนนี้มีโดรนพ่น

แล้วเดี๋ยวนี้เครื่องจักรไม่ได้ราคาแพง เราก็ไปมองศักยภาพของเกษตรกรรุ่นใหม่ คนที่จะมีโอกาส กำลังทำนโยบายให้มี Soft Loan (สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ) ตัวนี้ขึ้นมาเพื่อจะเข้าถึงเครื่องจักร แต่อย่างน้อยคุณต้องเป็นเกษตรกรและต้องเอามาทำในอาชีพปกติของคุณก่อน คุณมีเครื่องจักรคุณก็ไปลดต้นทุน อย่างน้อยคุณมีฐานของคุณแล้ว คุณไม่ต้องจ้างเขาลดต้นทุน คุณมีรายได้ แล้วรายได้เสริมของคุณอีกก็คือไปรับจ้างเพิ่ม อันนี้คือนโยบาย Service Provider ที่จะทำ

ประกอบกับเกษตรกรที่ไม่มีเครื่องจักรเลยก็มีทางเลือกอีก แต่ก่อนผมไม่มีเลย ผมรู้จักคนนี้ เท่าไร? 1,000 – 2,000 ก็อยู่แค่ 1 – 2 ราย รู้จักแค่นี้ก็ใช้เป็นประจำ แต่วันนี้เราจะมีรายชื่อหมดเลย ในจังหวัดก็จะมีรายชื่อ อำเภอ ตำบล หมู่บ้านไหน ใครมีอะไรคุณก็ไปติดต่อเอา แล้วคุณก็จะได้ใช้ลดต้นทุนการผลิต เพราะเรามองว่าต้นทุนแรงงานคือต้นทุนมากกว่า 50% ของการทำเกษตร

อันนี้ตัวหนึ่ง แล้วเรายังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เราต้องหาวิธีการ เช่น อาจมีคนรับจ้างเก็บของเหลือใช้ทางการเกษตรไปผสมเป็นปุ๋ยมาทำปุ๋ยให้ เครื่องมาทำที่บ้านเลย เป็นปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยหมัก อันนี้จะเป็นนโยบายในภาพใหญ่ที่จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ให้มีเงินเพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะใช้หนี้สินในอดีต แล้วหนี้เดี๋ยวก็ต้องมีนโยบายที่เกี่ยวกับการประคับประคองให้เขาสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ ไม่เป็นหนี้เสียด้วย ต้องยอมรับว่าเกษตรกรวันนี้ลำบากเหมือนกัน

“เราอยากให้รายได้ในภาคเกษตรเยอะกว่านอกภาคเกษตร อันนี้คือจุดมุ่งหมายของกระทรวงเกษตรฯ ทำอย่างไร? ทำนโยบายเกษตรมูลค่าสูงด้วย ทำ  Service Provider ด้วย นอกภาคเกษตรคุณมีเวลาว่างก็ทำไป แต่นอกภาคเกษตรเราเห็นว่าไปเน้นนอกภาคเกษตรมันมีรายจ่ายตามมา เพราะคุณต้องขึ้นรถไปโรงงาน หรือมากรุงเทพฯ มีค่าใช้จ่าย แต่รายได้ในภาคเกษตรคุณอยู่ในพื้นที่ของคุณ อยู่กับครอบครัวกับสังคมของคุณ อันนี้ก็เป็นอีกส่วนที่กระทรวงเกษตรฯ อยากทำ”   

- การจัดทำบัญชีรายชื่อ Service Provider หรือผู้ให้บริการเครื่องมือ – เครื่องจักรกลทางการเกษตรในแต่ละจังหวัด ปัจจุบันทำไปได้มาก – น้อยเพียงใดแล้ว? : จริงๆ เราเริ่มจากกฎหมาย เรามี พ.ร.บ.เศรษฐกิจการเกษตร ผมเป็นนายทะเบียน ทุกคนต้องมาขึ้นทะเบียน วันนี้ในทะเบียนที่มีปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ทำประมง ประกอบธุรกิจทางการเกษตร ตอนนี้เราเพิ่มเรื่องของการรับเป็น Service Provider ให้บริการทางการเกษตรเข้าไปอีก แก้เรียบร้อย ออกประกาศเรียบร้อย กรมส่งเสริมการเกษตรประกาศขึ้นทะเบียน

เราจะประกาศให้คนมาขึ้นทะเบียน คุณจะมีสิทธิ์ได้รับมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ก็เลยอยากให้มาขึ้น ก็มีคนทยอยมาขึ้นทะเบียน อันนี้เดี๋ยวเขาจะมีนโยบายของ ธ.ก.ส. (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) ถ้ามีนโยบายของรัฐบาลออกมา ธ.ก.ส. Soft Loan ดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 – ร้อยละ 1 แบบนี้ แต่เราต้องจำกัด เดี๋ยวคนไม่มีที่มาซื้อเครื่องจักร ต้องมีการคัดกรอง แล้ว ธ.ก.ส. เขาสามารถช่วยดูได้อีกทีหนึ่ง

- ในฐานะที่เป็นหน่วยงานคลังสมองของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มองภาพที่ควรจะเป็นของเกษตรกรไทยไว้ว่าอย่างไร? : ผมไม่อยากให้มองสินค้า สถานการณ์ มันก็ถามซ้ำๆ นะ ปีนี้ขึ้น ปีนี้ลง Demand – Supply บ้าง น้ำท่วม น้ำแล้ง ต่างประเทศไม่ส่ง เศรษฐกิจตกต่ำ มันก็เป็นไปตามภาวการณ์ วันนี้คือนโยบาย เราทำอย่างไรดีกว่าให้สินค้าเกษตรเรามีเสถียรภาพ ทำอย่างไรให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ต้องเสริมอาชีพ

“ไม่มีทางหรอกที่คุณไปทำเกษตรกรรมอย่างเดียว พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ท่านบอกเกษตรผสมผสาน ท่านมองเห็นถึงความยืดหยุ่นของการทำการเกษตร วันนี้พืชแต่ละพืชไม่เหมือนกันนะ วันนี้พืชนี้ทนแล้ง พืชนี้ทนหนาว แต่ถ้าเรามีทั้งแล้งทั้งหนาวอยู่ด้วยกัน มันก็จะ Balance (สมดุล) แล้วผมอยากให้บ้านเราเป็นประเทศผลิตสินค้าเกษตรแบบที่เกษตรกรมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้สูงขึ้น”

วันนี้ Climate Change (ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ) มันได้เกิดสถานการณ์ขึ้น โลกเปลี่ยน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ราคาปัจจัยการผลิต ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงหมด เพราะฉะนั้นเกษตรกรต้องปรับตัว รู้ว่าน้ำจะเยอะ เตรียมกระชังเลี้ยงปลา มีเกษตรกรที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลายรายที่เจอน้ำท่วม เอาปลามาลง เลี้ยงปลาขายได้มากกว่าข้าวอีก คือวันนี้คุณต้องสร้างรูปแบบของคุณ ในพื้นที่ของคุณมันทำอะไรได้บ้าง แล้วดูสถานการณ์ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เตรียมความพร้อม เกิดปุ๊บจะปรับคัวทำนี่    

แล้วรัฐมีหน้าที่ดูแลเรื่องของภาพใหญ่ เรื่อง Infrastructure (โครงสร้างพื้นฐาน) เรื่องขององค์ความรู้ ถ้าวันนี้เราสร้างองค์ความรู้ให้เขายืดหยุ่นปรับตัวในการทำการเกษตร ให้เขามีรายได้เพิ่ม ให้เขามีอุปกรณ์ในการลดต้นทุน ให้เขาเข้าถึงทุน อย่างนี้จะทำให้เขาเติบโตได้อย่างยั่งยืนจริงๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่รัฐจะต้องทำ เรื่องความคุ้มครอง (Safety Net) ให้กับเกษตรกร ซึ่งวันนี้รัฐต้องเป็นคนทำประกันภัย ไม่ใช่เรื่องของการเข้าไปอุดหนุนเยียวยา

ให้เกษตรกรเขาเข้าถึงระบบประกันภัย ให้เขาเลือกว่าอยากประกันแล้ง ประกันท่วม ประกันหนาว ประกันลูกเห็บ ประกันโรค แล้วถ้าพื้นที่เขาไม่เหมาะสม เป็นพื้นที่โรคระบาดแล้วยังจะดื้อดึงปลูกอีกเบี้ยประกันก็สูงไป จ่ายเองส่วนหนึ่ง ญี่ปุ่นรัฐจ่ายให้ 80 ท้องถิ่นจ่าย 10 เกษตรกรจ่าย 10 ของเรารัฐจ่าย 100 แต่น้อยมาก คือมันไม่ดึงดูด เขาก็ไม่อยากมาทำ

“ผมยังยืนยันว่าภาคการเกษตรประเทศไทยยังสามารถที่จะพัฒนาแล้วปรับตัวและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศได้ เป็นเกษตรที่ต่อไปจะขยายเป็นเกษตรอุตสาหกรรมและเป็นอุตสาหกรรมเกษตร มันเป็นทิศทางที่เราหนีไม่พ้น ทั่วโลกต้องกิน เราเป็นประเทศที่จะผลิตรถยนต์หรือ? จะไปผลิตสินค้าอุตสาหกรรมบางตัวหรือ? พวกนั้นเกิดภัยวิกฤต ภาวะสงครามจริงๆ มันก็ขายไม่ได้ แต่เกษตรอย่างไรมันต้องกิน แต่จะทำอย่างไรให้เราขายได้ราคาดี ทำอย่างไรให้มีรายได้ที่เหมาะสม”

พูดถึงโอกาสภาคการเกษตรของไทย จริงๆ เรามีสินค้าอีกหลากหลายชนิด แล้ววันนี้เราพยายามจะส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรที่ว่า “ตลาดนำ – นวัตกรรมเสริม – เพิ่มรายได้” ในจีนเขาใช้ดาวเทียมดูทั่วโลกเลย ปีนี้พืชนี้ขาด ไม่ให้หรือให้ผลิตตัวนี้ เราทำไม่ได้ แต่เราให้ความรู้ว่าคุณควรผลิตอะไร พื้นที่คุณเหมาะสมอย่างไร ถึงบอกว่ามีเรื่องเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farmer) ซึ่งไม่ได้หมายความแค่การทำเกษตร แต่คุณต้องรู้ด้วยว่าเขาต้องการอะไร ราคาเท่าไร มีกำไร – ขาดทุนหรือไม่ ปัจจัยการผลิตหาที่ไหน คุณก็ต้องไปผลิตที่คุณสามารถทำได้

แล้วไม่ใช่อยู่ดีๆ ตลาดต้องการอย่างเดียว คุณต้องดูเรื่องราคาสูงด้วย ในญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา หลายประเทศถ้าผลิตสินค้าตัวนี้ได้กำไรกิโลกรัมละ 3 บาท แต่ถ้าตลาดต้องการเยอะแยะเลย ผมจะไปเปลืองทรัพยากรน้ำ – ทรัพยากรดินทำไม? ผมผลิตตัวที่ 50 บาท ที่ตลาดอาจต้องการน้อยกว่าแต่ผมบวกลบคูณหารมาแล้วได้มากกว่า ก็ต้องเลือกวิธีนั้น!!!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

กทม. ติวรองผอ.โรงเรียนยึดหลักคุณธรรมมุ่ งพัฒนาการศึกษาดีมีคุณภาพ

'ชมพู อทิตา'อ่วมเจอ 'เดือน ไปรมา'ว่าที่แม่ผัวจัดคอมโบเซต พร้อมตราหน้า อีดวงกินผัว!

กต.‘สหรัฐฯ’เตือนชาวอเมริกันทั่วโลกเพิ่มความระมัดระวัง หลังสถานการณ์ตะวันออกกลางตึงเครียด

กทม.ปลื้มโครงการมือวิเศษกรุงเทพฯ คืนขยะสู่ระบบลดฝังกลบได้ 100 ตัน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved