‘เหนือ-อีสาน’ฝนถล่มหนัก

ช่วง1-5ก.ค.มรสุมพาดผ่าน

กองทัพบกเร่งฟื้นฟูน้ำท่วม “พญาเม็งราย” ผู้ว่าฯ เชียงรายเตือน เฝ้าระวังพายุลูกใหม่ 1-5 กรกฎาคมนี้ ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาเตือน ช่วง 1-5 กรกฎาคม เหนือ-อีสานฝนตกหนัก อิทธิพลมรสุมพาดผ่าน

เมื่อวันที่ 29มิถุนายน พลตรีจักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 37 และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานมณฑลทหารบกที่ 37 จัดกำลังพลชุดปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย และกำลังพลจิตอาสาภัยพิบัติมณฑลทหารบกที่ 37 เข้าช่วยเหลือในการฟื้นฟู ทำความสะอาดบ้านเรือน สถานที่ราชการ ศาสนสถาน และขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องอุปโภคบริโภค ให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ภายหลังฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำป่าไหหลากเข้าร่วมบ้านเรือนอขงราษฎรกว่า 4,400 หลังคาเรือน เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 27มิถุนายนที่ผ่านมา

พลตรีจักรวีร์ กล่าวว่า แม้ปัจจุบันฝนที่ตกในพื้นที่ได้เบาบางลงและมวลน้ำที่ไหลหลากากสันเขาได้ไหลผ่านพ้นพื้นที่ไปแล้ว ทำให้สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังคงเหลือในพื้นที่ลุ่มและพื้นที่ทางการเกษตรยังมีน้ำท่วมขังในบางส่วน และถึงแม้สภาพน้ำจะลดลงแต่ก็มีคราบดินโคลนและเศษกิ่งไม้วัชพืช ทับถมอยู่ในพื้นที่ทำให้ทางเจ้าที่จึต้องเร่งพื้นที่เพื่อให้ประชาชนได้อาศัยอย่างปกติสุขโดยเร็ว พร้อมกันทางแพทย์ทหารโรงพยาบาลค่ายเม็งรายยังได้จัดจัดชุดแพทย์เดินเท้า ให้บริการเชิงรุก เพื่อให้การรักษาพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบาง ที่เจ็บป่วยฝนพื้นที่ มีการตรวจรักษาและแจกจ่ายยารักษาโรคเพื่อบรรเทาความเดือนร้อน รวมถึงแจกจ่ายอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทานจากรถครัวสนามของหน่วย ซึ่งได้ ประกอบเลี้ยงอาหารกล่อง ช่วยเหลือผู้ประสบอุกทกภัยน้ำป่าไหลหลากประกอบเลี้ยงอาหารวันละ 3 มื้อด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ส่วนใหญ่จะคลี่คลายเกือบเป็นปกติแล้วแต่ทางจังหวัดยังมีการแจ้งเตือนภัยการเกิดอุทกภัยให้เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอำเภอเมืองเชียงราย แม่สาย พญาเม็งราย เวียงชัย เทิง เชียงของ เวียงแก่นและเชียงแสน ในช่วงระหว่างวันที่ 1-5กรกฎาคม ซึ่งจะมีพายุฤดูลุกใหม่จะทำให้เกิดฝนตกหนักเสี่ยงต่อการเกิดน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังและรดับน้ำโขงเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กำชับให้มีการเตรียมพร้อมทั้งเครื่องมือ เครื่องจักร และกำลังคนเพื่อสามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ตลอด 24ชั่วโมง พร้อมเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อดำเนินการขอรับงบประมาณช่วยเหลือตามระเบียบโดยเร็วต่อไปแล้ว

สำหรับสถานการณ์น้ำที่ จ.หนองคาย หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน รวมถึงภาคเหนือของไทย และทางเหนือของฝั่งลาวซึ่งเป็นพื้นที่ที่มวลน้ำไหลลงแม่น้ำโขง ทั้งแม่น้ำลำคลอง ลำน้ำสาขาน้อยใหญ่ โดยน้ำที่ไหลลงแม่น้ำโขง ช่วงที่ไหลผ่านจังหวัดหนองคาย ในวันนี้น้ำโขงวัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ วัดได้ 5.58 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 78 เซนติเมตร ต่ำกว่าระดับวิกฤต 6.62 เมตร น้ำโขงสามารถไหลไปยังท้ายน้ำได้อย่างสะดวก อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดหนองคาย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เตรียมมาตรการรับมือสถานการณ์น้ำท่วม น้ำโขงล้นตลิ่ง เนื่องจากปีที่ผ่านมาจังหวัดหนองคายประสบปัญหาน้ำท่วมจากน้ำโขงล้นตลิ่ง ฝนตกชุกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติซ้ำอีก

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศประเทศไทย ว่า ช่วงวันที่ 29-30มิ.ย.ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนองกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เริ่มมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนาม ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2เมตร

ส่วนช่วงวันที่ 1-5ก.ค.บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการกระจายของฝนเพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 1 – 5 ก.ค. ประชาชนในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มสำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง