สกู๊ปพิเศษ : น้ำเปลี่ยนชีวิต พิษณุโลกต่อยอดโครงการพระราชดำริ โชว์ผลสำเร็จ พัฒนาพื้นที่ สร้างอาชีพ ยกระดับชีวิตสู่ความยั่งยืน
จังหวัดพิษณุโลกประสบผลสำเร็จ ในการบริหารจัดการน้ำ ตามแนวพระราชดำริ ราษฎรมีน้ำใช้เพียงพอเพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตร พร้อมเตรียมขยายผลสู่พื้นที่ใหม่ ควบคู่พัฒนาอาชีพและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
นายศุภรัชต์ อินทราวุธ รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เปิดเผยในระหว่างติดตามนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมคณะที่ปรึกษาอนุกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการฯ ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ระหว่างวันที่ 18-19 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมาว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคเหนือไว้เป็นจำนวนมาก เพราะมีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับกับที่ราบหุบเขา ทำให้เกิดแหล่งต้นน้ำลำธาร และแม่น้ำหลายสายที่สำคัญของประเทศไทย จนมาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราโชบาย สืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งองคมนตรี ในการติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินงานของโครงการฯ ตลอดจนรับทราบปัญหาอุปสรรคเพื่อนำไปปรับปรุง แก้ไขของแต่ละโครงการให้ราษฎรได้รับประโยชน์สูงสุด
‘ครั้งนี้ท่านองคมนตรีและคณะฯ ได้ติดตามการใช้ประโยชน์จากโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านหินลาด อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยทรายใต้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลบ้านแยง อำเภอนครไทย โครงการประตูระบายน้ำบ้านป่าซ่านพร้อมอาคารประกอบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลบ้านพร้าว อำเภอนครไทย และโครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ทั้ง 4 โครงการ นี้เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริให้จัดสร้างขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัย และเป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค การทำเกษตรสำหรับราษฎร ซึ่งท่านองคมนตรีได้ให้ข้อเสนอแนะในการขยายผลโครงการให้เกิดประโยชน์ต่อราษฎรในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น โดยสำนักงาน กปร. จะนำไปดำเนินการในการพัฒนาแหล่งน้ำให้มีคุณภาพ เพื่อช่วยราษฎรให้มีน้ำสะอาดในการอุปโภค-บริโภค และทำการเกษตรได้อย่างสมบูรณ์ และกว้างขวางมากขึ้น รวมถึงการดูแลป่าต้นน้ำเพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุน การพัฒนาอาชีพ เช่น การปลูกพืชที่หลากหลาย การแปรรูป ผลิตภัณฑ์ต่างๆตามขั้นตอนต่อไป’ นายศุภรัชต์ อินทราวุธ กล่าว
นางรุ่งเรือง เทิดดีมีชัย ราษฎรไทยชนเผ่าม้ง เกษตรกร ผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยทรายใต้อันเนื่องมาจาก พระราชดำริ บ้านห้วยทรายเหนือ ตำบลห้วยเฮี้ย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เผยว่าเมื่อก่อนปลูกขิง ปลูกกะหล่ำ แบบพืชเชิงเดี่ยว หลังจากมีอ่างเก็บน้ำจึงเปลี่ยนมาปลูกพืชแบบ ผสมผสาน ปลูกพริกไทยแซมด้วยทุเรียน และอะโวคาโด
‘เมื่อก่อนปลูกขิง ปลูกกะหล่ำปลี ต้องทำในพื้นที่กว้างๆ ใช้แรงงานจำนวนมาก ทั้งต้องเริ่มต้นลงทุนปลูกทุกๆปี แม้ราคาดีแต่ผลผลิตไม่ดีก็ไม่ได้อะไร ถ้าผลผลิตดี แต่ราคาไม่ดีก็ไม่ได้อะไรเช่นกัน จึงทำให้มีรายได้ไม่แน่นอน เมื่อเปลี่ยนมาปลูกพืชแบบผสมผสาน และยึดหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีวิต ก็ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง พืชชนิดไหนราคาตก ก็ยังมีอีกชนิดมาทดแทน ทำเท่าที่กำลังในครอบครัวจะทำได้ ไม่ต้องพึ่งพาแรงงานจากภายนอกเรื่องน้ำไม่ห่วงเพราะมี อ่าง เก็บน้ำห้วยทรายใต้ หน้าฝนน้ำไม่ท่วม หน้าแล้งไม่ขาดน้ำในอ่าง มีปลาจับมากินได้อีก พริกไทยช่วงไหนราคาไม่ดีก็ ชะลอการเก็บรอให้สุกแล้วเก็บมาทำเป็นพริกไทยดำทำให้ขายได้ทั้งปี มีพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด 3 ไร่ 2 งาน ปีที่แล้วมีรายได้ 700,000 - 800,000 บาท โดยรายได้หลักจากผลผลิต พริกไทยทั้งพริกไทยสด และพริกไทยดำและทุเรียนบางส่วน นับว่าเป็นรายได้ที่มั่นคง ทำให้มีรายได้อย่างพอเพียงสำหรับ เลี้ยงครอบครัว พอมีเงินเก็บบ้าง และอยู่อย่างยั่งยืน’ นางรุ่งเรือง เทิดดีมีชัย กล่าว
สำหรับอ่างเก็บน้ำห้วยทรายใต้ฯ ในปี 2561 กรมชลประทานได้ดำเนินการปรับปรุงระบบส่งน้ำ สามารถส่งน้ำให้พื้นที่ การเกษตรด้านท้ายอ่าง จำนวน 300 ไร่ เพื่ออุปโภคและบริโภคและทำการเกษตร ปัจจุบันมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ ร่วมกันบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนและฤดูแล้ง ได้อย่างเต็มศักยภาพ
นางน้ำนอง ทองอยู่ เกษตรกร หมู่ท่ 2 ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ราษฎรที่ได้รับประโยชน์ จากโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านหินลาดอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบล หินลาด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก และเป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มไม้กวาดชะลอม บ้านท่าช้าง เผยว่า อดีตทำนาปีละครั้ง อาศัยน้ำฝนเพียงอย่างเดียว มีพื้นที่ 10 ไร่ ได้ข้าวประมาณ 5 ตัน หลังจากมีอ่างเก็บน้ำบ้านหินลาด สามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง ทั้ง นาปีและนาปรัง ได้ข้าวประมาณ 9 ตันต่อปี มี รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 60,000 บาทต่อปี
‘เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ได้มีเจ้าหน้าที่จากเกษตรอำเภอวัดโบสถ์ เข้ามาสอนอาชีพเสริมด้านการจักสาน พร้อมสนับสนุนปัจจัยการผลิต โดยให้ครูในพื้นที่สอนการจักสานในรูปแบบต่างๆ อาทิ การสาน ชะลอม ตะกร้า พัด และทำไม้กวาด เพื่อเป็นรายได้เสริมหลังจากช่วงการทำนา แม่บ้านในหมู่บ้านมารวมกลุ่มผลิตแล้วเอาไปขายที่โรงเรียนวัดและค่ายทหารในพื้นที่ ทำให้มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 3,000 - 5,000 บาทต่อคนต่อเดือน นอกจากนี้ยังปลูกพืชผักสวนครัวรอบบ้าน เช่น พริก มะเขือพวง บวบ มะนาว ผลผลิตดีเพราะมีน้ำจากอ่างบ้านหินลาด โดยผลผลิตบริโภคภายในครัวเรือน บางรายมี จำนวนมากเหลือกินก็เอาไปขาย ทำให้มีรายได้อีกทางหนึ่ง หลังจากมีอ่างเก็บน้ำฯ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าเมื่อก่อนมาก’ นางน้ำนอง ทองอยู่ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2525 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหา ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำริให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก เพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่าง ที่ประสบปัญหาอุทกภัย และเพื่อการเพาะปลูก การอุปโภค-บริโภค ของประชาชนในพื้นที่ โดยสำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน ได้ร่วมกันสนองพระราชดำริ ดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านหินลาดและแล้วเสร็จในปี 2527 เป็นเขื่อนดิน ความสูง 9.3 เมตร สันเขื่อนกว้าง 4 เมตร ยาว 279 เมตร พร้อมอาคารระบายน้ำล้นและท่อระบายน้ำ มีความจุเก็บกัก 355,000 ลูกบาศก์เมตร ต่อมาในปี 2559 กรมชลประทานได้ปรับปรุงระบบส่งน้ำความยาว 2,400 เมตร เพื่อส่งน้ำให้แก่พื้นที่การเกษตรในพื้นที่ 1,000 ไร่ สำหรับปลูกข้าวในฤดูฝน 800 ไร่ และหน้าแล้ง 200 ไร่ ให้แก่ราษฎรจำนวน 180 ครัว เรือน โดยปลูกข้าวพันธุ์ กข 79 กข 85 และ ข้าวพันธุ์พิษณุโลก ปัจจุบันมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหิ นลาด (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) ร่วมกันบริหารจัดสรรน้ำให้แก่สมาชิกอย่างทั่วถึง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี