กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยแพร่เอกสารข่าวจากกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดย นพ.นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อเอชไอวีภาพรวมของประเทศไทยปี2568 ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสะสม 547,556 คน และผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ จำนวน 13,357 คน สาเหตุหลักติดเชื้อจากการไม่ป้องกัน ยังมีอีกหลายคนไม่ได้ตรวจและไม่ทราบสถานะการติดเชื้อเอชไอวีของตนเอง เนื่องด้วยหลายสาเหตุ ทั้งไม่ทราบว่า ตนเองมีความเสี่ยง ไม่กล้าไปตรวจที่โรงพยาบาลเพราะกังวลเรื่องการตีตราจากสังคม และไม่รู้ว่าสามารถตรวจเอชไอวีด้วยตนเองได้ ส่งผลให้ไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษา และอาจถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีไปสู่คู่ได้โดยไม่รู้ตัว
การตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการดูแลสุขภาพทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ยิ่งตรวจเร็ว รู้ทัน ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก และเข้าสู่ระบบการรักษาเร็ว จะทำให้ไม่ป่วยด้วยโรคแทรกซ้อน ลดการเสียชีวิตจากเอดส์ได้ นอกจากนี้ การกินยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอจนกดปริมาณไวรัสในกระแสเลือดให้เหลือน้อยกว่า 200 copies/ml จะไม่ถ่ายทอดเชื้อไปยังผู้อื่นได้ หรือที่เรียกว่า Undetectable = Untransmittable (U=U) ทั้งนี้ ประชาชนไทยทุกคน สามารถรับบริการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง ที่โรงพยาบาลภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือขอรับชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV Self-Test) ได้ฟรีผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังในเมนูสุขภาพ เลือกสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค และรับชุดตรวจที่หน่วยบริการใกล้บ้าน ซึ่งตรวจง่าย ตรวจได้ด้วยตนเอง และให้ผลเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็วภายใน 20 นาที หากผลตรวจพบเชื้อ ควรไปตรวจยืนยันที่โรงพยาบาลและเข้าสู่กระบวนการ รักษาทันที หากผลตรวจไม่พบเชื้อจะได้คลายกังวลและควรเลือกใช้วิธีป้องกันที่เหมาะสมกับตนเอง เพื่อให้ผลเป็นลบตลอดไป
นพ.พงศ์ธร ชาติพิทักษ์ ผู้อำนวยการกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ชี้แจงว่า เอชไอวีสามารถป้องกันได้ และการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับทุกคนทุกช่องทาง สามารถป้องกันได้ทั้งเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และท้องไม่พร้อม ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค เร่งรณรงค์สร้างความตระหนัก และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนงานเชิงรุกเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ด้วยการเพิ่มจุดกระจายถุงยางอนามัย และชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองฟรี เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายและสะดวก ส่งเสริมการประเมินความเสี่ยงด้วยตนเอง ผ่านช่องทางออนไลน์ Stand by you หากมีความเสี่ยงจะได้รับชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองส่งตรงถึงบ้าน เพิ่มการเข้าถึงบริการด้านเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ บริการสุขภาพทางเพศ และอนามัยการเจริญพันธุ์ที่เป็นมิตรสำหรับวัยรุ่นและเยาวชนครอบคลุมทั่วประเทศ
นายชัยชนะ เดชเดโช รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มมากขึ้นพบเป็นสัดส่วนของเยาวชน ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข เตรียมทำบันทึกความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เพื่อแจกถุงยางอนามัย ให้ความรู้ต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขมีเป้าว่า การติดเชื้อใหม่ต้องไม่เกิน 1,000รายต่อปี และการเสียชีวิต ต้องไม่เกิน 4,000 ต่อปี ซึ่งตัวเลขการติดเชื้อและการรักษาที่พบนั้นเป็นตัวเลขที่สะสม ดังนั้นที่บอกว่ามีตัวเลขคนติดเชื้อเพิ่ม 8,000 รายนั้น ตนมองว่าหากพิจารณาในครึ่งปีหลังจะมีตัวเลขไม่ถึง 3,000 รายแน่นอน ยอมรับว่าตัวเลขโดยรวมลดลง แต่ที่มีเพิ่มขึ้น คือ จากกลุ่มเยาวชน ดังนั้นจะร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะแจกถุงยางอนามัยและให้ความรู้กับเยาวชน ต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงเพิ่มจุดตรวจเชื้อเอชไอวี มากขึ้น ซึ่งจะมีเอ็มโอยู กับสถาบันการศึกษา บริษัทเอกชนที่มีความเสี่ยง
จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อมากขึ้น คือ กทม.ชลบุรี ขอนแก่นและนครราชสีมา ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ สำหรับงบประมาณที่ใช้ดูแลในส่วนของการป้องกันและดูแลกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี นั้น แต่ละปีมีงบประมาณ 8.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นเงินในประเทศ 7.7 พันล้านบาท และได้รับการสนับสนุนต่างประเทศ 788 ล้านบาท ทั้งนี้ ในงบดังกล่าวมีการดูแลรักษาเป็นค่ายารักษา จำนวน 6.2 พันล้านบาท งบป้องกัน จำนวน 1.2 พันล้านบาท ซึ่งในจำนวนผู้ที่รักษาตัว 5 แสนคนนั้น มีส่วนของคนต่างด้าวร่วมด้วยกว่า 5.7 พันคน และเมื่อคิดการรักษาตัวหัวต่อคนต่อปี จะอยู่ที่ 1.2 หมื่นบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี