ตร.ผนึกกำลังประชาคมโลก ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์
วันนี้ (10 ก.ค.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศตคม.ตร.หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ UNODC ต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ชี้แจงถึงสถานการณ์ปัญหาอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ในปัจจุบัน โดยปัจจุบันสถานการณ์การหลอกลวงคนไทยของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ผ่านมา ยังมีที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา และลาว เพื่อจะหลอกคนไทยและชาติต่างๆ ทั่วโลก และเนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการบินที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเที่ยวบินจากทั่วโลก เข้ามาในประเทศ ประกอบกับการคมนาคมที่สะดวก กลุ่มคนร้ายจึงอาศัยช่องว่างดังกล่าวเข้ามาในไทยในฐานะนักท่องเที่ยว เพื่อเดินทางไปยังบริเวณแนวชายแดน แล้วลักลอบข้ามไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน หรือใช้ช่องทางดังกล่าวหลอกคนข้ามไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ทั้งนี้ จากมาตรการการตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ไปยังแนวชายแดนประเทศเมียนมา ที่ติดกับประเทศไทย เพื่อกดดันให้มีการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ ซึ่งปกครองโดยชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนระหว่างประเทศ ทำให้เกิดการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขตเมืองชเวโก๊ะโก๋ และเคเคพาร์ค พบคน 36 สัญชาติ รวม 8,893 ราย แต่ยังมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนหนึ่งหลบซ่อน และตั้งฐานอยู่บริเวณทางตอนใต้ของเมืองเมียวดี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องมีมาตรการในการดำเนินการอีกต่อไป
ในส่วนของประเทศกัมพูชา พบว่ามีการขยายตัวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งที่หลอกคนไทยและคนชาติต่างๆ ทั่วโลก พบว่ามีการตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา 52 จุดใน 10 จังหวัด ส่วนใหญ่ยังอยู่ในเมืองปอยเปต และมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในเขตชายแดนติดกับประเทศเวียดนาม โดยมีชาวจีน เป็นผู้บริหารจัดการ ได้รับความคุ้มครองจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ในห้วงที่ผ่านพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีการขยายตัวจากประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทยบางส่วน แต่ทางการไทย สามารถกวาดล้างจับกุมได้ ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ มุ่งหลอกคนชาติอื่นไม่ใช่คนไทย อาทิ ออสเตรเลีย เวียดนาม เกาหลี จีน
อย่างไรก็ตาม สำหรับยุทธศาสตร์ของ ศปอส.ตร.ได้ร่วมกับ UNODC กำหนดยุทธศาสตร์ “ผนึกกำลังประชาคมโลก ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์” โดยกำหนดไว้ 5 ด้าน (I 2L AI) ได้แก่ 1.การทำลายโครงสร้างพื้นฐานของอาคาร (Infrastructure) ได้แก่ ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต 2.การตัดเครือข่ายขบวนการนำพา (Logistics) ได้แก่ เพจโฆษณา หางาน เพจจัดหาบัญชีม้าและคริปโต แอพในการ ติดต่อหายานพาหนะ กลุ่มรถรับจ้าง กลุ่มนำพาข้ามแดน การซีลชายแดน กลุ่มจัดหาบัญชีม้าและคริปโต 3.การบังคับใช้กฎหมายและยึดทรัพย์ (Law Enforcement) โดยมุ่งเน้นไปที่ เจ้าของอาคารคอลเซ็นเตอร์ ผู้บงการ ผู้บริหารจัดการ ผู้ให้ความคุ้มครอง
4.การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการควบคุมป้องกันไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน หรือใช้ในการหลอกลวง เพื่อลักลอบข้ามผ่านแนวชายแดนไปทำงานที่แก๊งคอล เซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน 5. ผนึกกำลังประชาคมโลก (International Community) ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ โดยนำองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ UNODC, INTERPOL, FBI และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มาร่วมปฏิบัติในศูนย์บริหารฉับพลันเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ (War Room for Combatting Cyber Scam Syndicate) ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย โดยประเทศไทยจะเป็นผู้นำและศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยน ข้อมูล เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานร่วมกันในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา เมียนมา และลาว การค้นเครือข่ายของนายก๊ก อาน ชาวกัมพูชา
จากปฏิบัติการครั้งนี้ได้เข้าค้นเครือข่าย “ก๊ก อาน” รวม 20 จุดใน 3 จังหวัด (กรุงเทพฯ สมุทรปราการและชลบุรี) สามารถอายัดเงินสด 27 ล้านบาท รถยนต์หรู และเอกสารสำคัญ ยึดทรัพย์รวมมูลค่า กว่า 1,000 ล้านบาท และจะดำเนินการขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนร่วมในขบวนการนี้ทั้งหมด
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี